關於 writtenbyzeem ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

เบื่อไหม เรียนภาษาเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เลย แถมยังมีโควิดระบาด ติดแหงกอยู่ในประเทศอีก! เมื่อไหร่จะเก่งกันละเนี่ย!
.
วันนี้เรามีตัวช่วยจ้า อยู่หน้าจอก็เม้ามอยกับชาวต่างชาติได้ง่ายๆ แค่เรามีเนต! ซีมขอพาเพื่อนๆ มารู้จักกับเว็บไซต์ที่ชื่อว่า italki ค่า เว็บนี้มีมาหลายปีแล้ว ซีมเคยใช้พัฒนาการเรียนภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง และปัจจุบันซีมใช้เรียนสนทนาภาษาอังกฤษ เอาไว้เม้ามอยเล่นๆ คุยเรื่องทั่วไปเพื่อจะได้รักษาระดับภาษาของตัวเองค่ะ
.
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนภาษาคือการใช้ซ้ำ และฝึกฝนบ่อยๆ การศึกษาในประเทศไทยเน้นการเขียนและการอ่านเป็นหลัก ทำให้พวกเราพูดไม่ได้สักที ดังนั้นเมื่อเรารู้ปัญหาแล้วเราต้องหาทางออกค่ะ! ใครที่พอจะมีงบสักเดือนละ 1,000 - 2,000 บาทก็สามารถเรียนกับครูในเว็บนี้ได้แล้วน้า เราจะจ่ายเป็นรายครั้ง ครั้งละ 30/45/60 นาที ราคาขึ้นอยู่กับครูที่เราเลือกเลยว่าเขาตั้งราคาไว้เท่าไหร่ โดยคุณครูเขาจะมีสองแบบคือ

1) Professional Teacher คือครูสอนภาษานั้นๆ เป็นอาชีพ ต้องมี Teaching certificates เกียรติบัตรหรือประสบการณ์การันตีด้วยค่ะ เรทจะสูงกว่า

2) Community Tutor อันนี้จะออกแนวบุคคลทั่วไป อาจจะเป็น native speaker ที่ต้องการหารายได้เสริม หรือครูสอนภาษาอังกฤษในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เขาไม่ได้มี Teaching certificates เรทจะถูกลงมาหน่อยค่ะ
.
เวลาเราเลือกครูเราก็สามารถดูคลิปและอ่านโปรไฟล์ของเขาก่อนได้ สามารถฟิลเตอร์หาเรทที่เราโอเค หรือโปรไฟล์ที่เราสนใจได้ เช่น สมมติเราไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษของเราเท่าไหร่ ก็หาครูที่พูดไทยได้ด้วย มีอยู่หลายคนเลยค่า ^^
.
เรทจะมีหลายราคามาก แล้วแต่ภาษาที่เราเรียน จำนวนนาทีที่เราต้องการเรียน และเรทที่ครูเขาลงเอาไว้ อย่างถูกสุดในการเรียนภาษาอังกฤษก็คือประมาณ 200 บาท/ 30 นาที
.
สมัคร Account แล้วเราก็ซื้อเครดิตทิ้งไว้ จ่ายผ่านบัตร debit/credit ได้เลยค่ะ เราอาจจะกำหนดงบไว้ก่อนก็ได้ เช่น 1,500 บาทต่อเดือน ก็จะได้ประมาณ 50 italki Credits แล้วเวลาใช้งานมันก็จะค่อยๆ ตัดออกไปจนกว่าจะหมด คล้ายๆ มี wallet ในเว็บไซต์ของเขาค่ะ
.
การเรียนจะเรียนผ่าน Skype หรือผ่านระบบห้องเรียนออนไลน์ italki Classroom ก็ได้ ซีมเลือกอย่างหลังเพราะว่าะสะดวกและมีฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่ครูเขาสามารถใช้งานได้ค่ะ สำหรับช่วงแรกเราอาจจะลองเรียนกับครูหลายๆ คนดูก่อน เลือกดูจากคลิปวิดิโอว่าเราชอบครูคนไหน เอาเป็นคนที่เราฟังเขาพูดแล้วรู้สึกฟังทัน ฟังเข้าใจ เจอครูที่ใช่แล้วค่อยปักหลักกับคนนั้น เราเลือกครู เลือกเวลาเรียนเองได้ทุกอย่างเลย
.
สะดวกและง่ายมากๆ รีวิวจากใจคนใช้งานจริง ไม่มีสปอนจ้า ^^
.
ใครสนใจสามารถกดเข้าไปดูผ่านลิงค์นี้เลยนะค้า (Referral Link)
https://www.italki.com/i/ref/AGbbfb?hl=en
.
ถ้าโพสนี้เป็นประโยชน์ รบกวนเพื่อนๆ ช่วยกดแชร์กันด้วยน้า <3

#ซีมรีวิว #เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
#writtenbyzeem #เรียนEngด้วยตัวเอง

ทางเดียวที่เราจะไปถึงจุดที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่าง "คล่องแคล่ว" คือเราต้องฝึก ฝึก และฝึก! ‍🔥️‍🔥️‍🔥
.
Fluency คือความสามารถในการพูดอย่างลื่นไหล โดยที่ไม่หยุดคิดหรือลังเลระหว่างพูด ดังนั้นส่วนประกอบสำคัญของการพูดคล่องมีสองอย่างคือ
1) ปากเราต้องสามารถขยับได้ไวพอที่จะพูดได้อย่างลื่นไหล
2) สมองเราต้องมีคำศัพท์มากพอ และจัดเรียงประโยคได้อย่างรวดเร็ว
.
ลองจินตนาการว่าสมองของเราเป็นเหมือน "ถนน" ก็ได้ค่ะ และเปรียบการพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะหนึ่งหรือถนนเส้นนึงในสมองเรา ถ้าเราไม่ค่อยได้ใช้ถนนเส้นนี้ ไม่ค่อยผ่านทางนี้ เราก็จะขับรถช้าและไม่มั่นใจในตัวเองใช่ป่าว แต่ถ้าเราไปแถวนั้นบ่อยๆ รู้หมดแล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน เราก็จะขับรถและเลี้ยวอย่างมั่นใจ และยิ่งถ้าเราสามารถโฟกัสได้ ก็เหมือนการขับรถบนถนนเส้นตรงที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ไปไวๆ ได้เลย!
.
การท่องคำศัพท์และเรียนแกรมม่าไม่เพียงพอ เพราะมันเหมือนกับการ "นั่งบนรถที่คนอื่นขับ" เราได้เรียนรู้เหมือนกัน แต่พอลองไปขับเองก็อาจจะเด๋อๆ หน่อย 55555 การฝึกพูด ฝึกเขียนบ่อยๆ ก็เป็นเหมือนการเอาตัวเองไปอยู่หลังพวงมาลัย แล้วขับรถไปในถนนเส้นนั้นที่เราไม่คุ้นชินนั่นแหละค่ะ ถนนในจินตนาการเส้นนี้ไม่มีคนวิ่งไปวิ่งมา ไม่ต้องกลัวว่าจะขับชนใคร ยังขับไม่เก่งก็เริ่มได้แล้วนะ ขับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขับรถเก่ง แวะไปบ่อยๆ จนกว่าจะชินทางนะ แล้วเราจะมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เอง ^^
.
พยายามต่อไปนะ ฝึกได้ทุกวันยิ่งดีเลยค่ะ!
.
ใครอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ไปดูคลิปนี้ได้เลยจ้า
https://www.youtube.com/watch?v=KaA_mxga3PQ
-----------------------------------------------------
ติดตามการสอนภาษาอังกฤษของครูซีมได้ทางเพจนี้ และทาง IG @zeem.speakupclub

ส่วนใครที่สนใจเรียนสนทนากับซีมก็ทักมาได้ทางแชทนะคะ m.me/zeemuzma

#writtenbyzeem

ทำไมเรียนภาษาอังกฤษไปตั้งเยอะแล้ว แต่ยังไม่เห็นเก่งขึ้นสักที! คุณกำลังติดอยู่ในกับดัก Language learning plateau อยู่หรือเปล่า?
.
.
แต่เอ .. Learning plateau นี่มันคืออะไรนะ?
คำว่า plateau หมายถึง ที่ราบหรือช่วงระยะที่มีการเจริญเล็กน้อยหรือไม่มีการเจริญเลย ลองดูจากในกราฟแล้วเปรียบเทียบกับการเรียนภาษาของเรานะคะ
.
ช่วงแรกๆ เราจะเรียนรู้ไวมาก ABC มา! คำศัพท์ต่างๆ มา! เริ่มพูดเป็นคำ เริ่มเแต่งประโยคได้ เริ่มสื่อสารได้ตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ แต่มันก็ยังไม่ "คล่อง" แบบเป็น expert จริงๆ ตรงนี้แหละค่ะที่เราจะเริ่มท้อ หมดแรง และเริ่มให้เวลาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสกิลของเราน้อยลงเรื่อยๆ จนสกิลของเราหยุดพัฒนาหรืออยู่ที่เดิม
.
จริงๆ แล้ว ช่วง plateau นี้มีอยู่ในทุกสกิลที่เราเรียนรู้เลยค่ะ ไม่ใช่แค่สกิลภาษาเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติมากๆ ของมนุษย์เรา สำหรับการเรียนภาษาเรามักจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเนือยๆ รู้สึกไม่เก่งสักทีเมื่อเราอยู่ในระดับ Intermediate (between B and C levels on the CEFR framework) แม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรวางใจ เพราะสิ่งที่น่ากลัวคือคนส่วนใหญ่ติดอยู่ในที่ราบนี่แหละ ไม่สามารถพุ่งทะยานต่อไปจนถึงขั้น Advance ได้! เราอยากเป็นคนส่วนใหญ่มั้ย? เราอยากติดอยู่ตรงนี้กับคนอื่นๆ หรือเปล่า?
.
#แล้วเราต้องทำยังไง
สิ่งที่เราต้องทำคือต้องมีวินัยและไปต่อ! อย่าหยุดท้าทายตัวเอง! ถ้าตอนนี้สื่อสารทั่วไปได้แล้ว เราก็อาจจะมองหาอะไรที่ยากขึ้น เช่น ลองคุยกับคนเก่งๆ หาเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษา ลองฝึกทักษะการแปล การล่าม ลองอ่านหนังสือหรือนิยายที่มีการใช้ภาษาที่ซับซ้อนกว่าเดิม ลองดูซีรีย์ที่มีเนื้อหาการเมือง กฏหมาย หรือธุรกิจจะได้เจอคำและสำนวนที่เราไม่คุ้นชิน ไม่ได้แปลว่ายากขึ้นแล้วจะต้องน่าเบื่อน้า ^^
.
ถ้าฝันของเราคืออยากพูดและสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเจ้าของภาษา เราก็ต้องวิ่งต่อไปค่ะ ที่ราบตรงนี้มันเป็นเส้นยาวมาก 555 มันอาจจะใช้เวลานิดนึงกว่าเราจะรู้สึกว่า "ชั้นเก่งแล้ว" แต่เชื่อเถิดว่า roller coaster ที่เราได้นั่งระหว่างทางจะเป็นประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับเราแน่นอน!
.
เก่งแล้วก็อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง
มาฝึกฝนไปด้วยกันนะคะ

#writtenbyzeem #เรียนEngด้วยตัวเอง
---------------------------------------------------------
ขอบคุณภาพจากบทความนี้ ลองไปอ่านกันนะคะ

https://preply.com/en/blog/language-learning-plateaus/