ฤดูกาลแข่งขันปี 2017-2018
ระบบ TI และ Major เปลี่ยนไปอย่างไร
อ่านรายละเอียดกันได้เลยครับ
วิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการแข่งขัน Dota 2 ฤดูกาล 2017/18
เมื่อเช้านี้ แอดมินได้เห็นโพสต์จากเพจ Wykrhm Reddy เกี่ยวกับโครงสร้างการแข่งขัน Dota 2 ในฤดูกาลหน้า พอได้อ่านเร็ว ๆ แล้วต้องถือว่า เป็นการ “พลิก” วงการเลยทีเดียว เพราะทาง Valve มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ดังนี้ครับ
1.Valve จะไม่จัดทัวร์นาเมนท์ระดับ Major เองอีกต่อไป แต่จะยกระดับให้ทัวร์นาเมนท์ที่หน่วยงานอื่นจัดมีสถานะเป็น Major หรือ Minor แทน
ในโครงสร้างใหม่นี้ รายการ Major จะจัดโดยหน่วยงานอื่น โดยจะต้องมีเงินรางวัลขั้นต่ำ 500,000 เหรียญ (และ Valve สมทบให้อีก 500,000 เหรียญ) ส่วนรายการระดับ Minor จะต้องมีเงินรางวัลขั้นต่ำ 150,000 เหรียญ (และ Valve สมทบให้อีก 150,000 เหรียญ) และในแต่ละทัวร์นาเมนท์จะมีการจัดแข่งรอบคัดเลือกเพื่อหาตัวแทนจาก 6 ภูมิภาคหลัก เข้าไปแข่งในรอบ LAN Finals ด้วย นอกจากนี้ ทาง Valve จะเข้ามาดูแลเรื่องตารางการแข่งขันเพื่อไม่ให้แต่ละรายการแข่งชนกัน
การเปลี่ยนแปลงนี้ ถือเป็นการตอบโจทย์ต่อแฟน ๆ (โดยเฉพาะ Tobiwan) ที่วิจารณ์ว่าโครงสร้างการแข่งขันในปัจจุบันให้ความสำคัญกับรายการ Major และ TI ที่ Valve จัดมากเกินไป เพราะรายการเหล่านี้เงินรางวัลสูงลิบจนผู้จัดรายอื่นแข่งไม่ไหว ซึ่งแอดมินมองว่าแฟน ๆ ได้ประโยชน์แน่นอน เพราะเราน่าจะได้ดูทัวร์นาเมนท์ระดับใหญ่ ๆ บ่อยขึ้น และตารางการแข่งที่ไม่ชนกันก็ทำให้แฟน ๆ ไม่ต้องเลือกดูแบบรักพี่เสียดายน้องด้วย
2.ผู้เล่นที่ลงแข่งรายการระดับ Major หรือ Minor จะได้รับแต้มคัดเลือก (QPs) ซึ่ง Valve จะใช้ QPs เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียวว่าจะเชิญทีมไหนไป TI บ้าง
ในระบบใหม่นี้ รายการระดับ Major และ Minor จะมี QPs ให้กับผู้เล่นที่ลงแข่ง โดยแต้ม QPs รวมของแต่ละรายการจะขึ้นกับเงินรางวัลรวมของรายการนั้น ๆ โดยรายการระดับ Major จะมีอัตราส่วนแต้มที่ให้ต่อเงินรางวัลรวมสูงกว่ารายการ Minor และทัวร์นาเมนท์ที่จัดแข่งขันใกล้กับ TI8 จะให้แต้ม QPs ในอัตราที่สูงกว่าทัวร์นาเมนท์ที่จัดก่อนหน้านั้น
แอดมินถือว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด และน่าจะส่งผลให้วงการ Dota 2 ระดับอาชีพยั่งยืน เพราะเราจะไม่ต้องตั้งข้อสังเกตกับระบบ Invite แบบเดิมของ Valve เพราะในระบบใหม่นี้ การจะได้ไปหรือไม่ได้ไป TI จะขึ้นกับฝีมือล้วน ๆ
ส่วนระบบการให้แต้มกับรายการที่จัดใกล้ TI มากเป็นพิเศษนั้น ถือว่าเป็นระบบที่กีฬากอล์ฟและการ์ดเกมอย่าง Magic The Gathering ซึ่งให้น้ำหนักแต้มกับรายการที่เพิ่งจบไปมากกว่ารายการที่จัดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ใช้กันอยู่แล้ว ก็ถือว่ามีความเป็นมาตรฐานพอสมควร แต่แอดมินมีข้อสังเกตว่าการใช้ระบบให้แต้มแบบนี้ อาจส่งผลให้ผู้จัดจะมาแย่งกันจัดงานในช่วงใกล้ TI หรือไม่ เพราะทัวร์นาเมนท์ช่วงนั้นจะมีความสำคัญมากขึ้นโดยปริยาย
3. ยังมีการล็อกรายชื่ออยู่ แต่ผู้เล่นที่ย้ายทีมในช่วงที่ Valve กำหนดยังจะสามารถรักษาแต้ม QP ของตนเองไว้ได้ และการกำหนดแต้มทีมเพื่อสิทธิ์ไปแข่ง TI จะนับเฉพาะสมาชิกในทีมที่มีแต้มสูงสุด 3 คน เท่านั้น และจะมี leaderboard เพื่อโชว์ว่าผู้เล่นคนไหนมี QP เท่าไร
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ Valve คิดได้รอบคอบ โดยเฉพาะการนับแต้มเฉพาะคนทำแต้มสูงสุด 3 คน ในทีม เนื่องจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมต่าง ๆ ได้ลองนำผู้เล่นใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์การแข่งขันมาก มาลองเล่นได้โดยไม่กระทบต่อแต้มรวมและโอกาสในการไปเล่น TI ของทีมมากนัก
สรุปแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แอดมินมองว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการ Dota 2 โดยนอกจากจะทำให้ TI มีความขลังขึ้นแล้ว ยังจะส่งผลให้ผู้จัดการแข่งขันรายต่าง ๆ มีกำลังใจและ incentive มากขึ้นด้วยครับ เราน่าจะได้เห็นทัวร์นาเมนท์มากขึ้น คุณภาพสูงขึ้น (เพราะนอกจากเงินรางวัลแล้ว ยังมี QPs เป็นเดิมพัน) และจะทำให้เราติดตาม Dota 2 ในแต่ละฤดูกาลได้สนุกขึ้นมากครับ เพราะในระบบใหม่นี้ TI จะเป็นเหมือนบทสรุปของฤดูกาลอย่างแท้จริง เหมือนที่ในเทนนิสมี Master’s Cup และในกอล์ฟ PGA Tour มี FedEx Cup ซึ่งมีเฉพาะผู้เล่นที่ทำแต้มรวมทั้งฤดูกาลได้เยอะ ๆ ที่จะมีสิทธิ์แข่งครับ
ทาง Common Ground เองก็อยากรับรู้ความเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จากคอเกม Dota2 ยังไงก็คอมเมนท์กันเข้ามานะครับ :)
ขอบคุณภาพจากเพจ Wykrhm Reddy
CGPepe
pga tour leaderboard 在 PGA TOUR's Talking Leaderboard - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>