💚💙
รีวิว 10 ปี Carnival (2010 - 2020) ในโอกาสครบรอบ 10 ปี Carnival
ไม่ได้เขียนเรื่องชีวิตตัวเอง เลยขออนุญาติมาเขียนรีวิว Carnival แทนละกัน เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เพราะความจริงแล้ว ชีวิตก็มีแต่งานนี่แหละ เรียกได้ว่า 10ปีที่ผ่านมานี้ งาน = ชีวิต 5555
.
2010 - วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2010 ตัดสินใจตั้งบริษัทและ เปิดร้านกับหุ้นส่วนอีกสองคนคือ Bluetank Marine และ Pat Supaoath ร้านแรกชื่อ Converse Carnival อยู่ชั้น 1 อาคารสยามกิตติ์ ติดกับ Starbucks (ปัจจุบันคือร้าน 7-Eleven) ขนาดของร้านแรกขนาด 9 ตรม. ค่าเช่าสี่หมื่นบาท ช่วงแรกวางจำหน่ายแต่รองเท้า Converse อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจำไม่ผิดวันแรกขายได้ประมาณ 3000 บาท และยอดขายเดือนแรกค่อนข้างแย่มากๆ หลังจากที่ได้รองเท้า Converse Limited เข้ามาขายเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักและในปีเดียวกันนี้ ก็ตัดสินใจขยายห้องเช่าข้างๆเพิ่มอีกสองห้อง ตกค่าเช่าประมาณ 1 แสนบาท โมเม้นที่จำได้คือยอดขายแตะ 1 ล้านบาทได้ภายใน 10 เดือน เรียกได้ว่าฉลองกันเลยจากตรงนั้น
.
2011 - ปีที่สอง เริ่มอยากขยายธุรกิจ และเราจะหยุดที่แบรนด์เดียวไม่ได้ละ เป็นที่มาของการเปิดร้านที่สองในชื่อว่า Carnival Company ที่สยามวินเทจ สยามสแควร์ พร้อมกับเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ที่เราได้มาขายนั่นก็คือ Vans และตามมาด้วย Onitsuka Tiger และ New Balance
ทุกวันนี้ยังชอบดีไซน์ของร้านนี้อยู่ ชอบมากๆ ถึงตอนนี้เรา Operate ร้านพร้อมกันสองสาขา เริ่มมีสินค้าอื่นๆนอกจากรองเท้ามาขายเสริมกันไป เช่น หมวก ถุงเท้ากระเป๋า สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีเดิมเท่าตัว
.
2012 - เริ่ม Start แบรนด์เสื้อผ้า Carnival และจุดเปลี่ยนคือ ลาออกจากงานประจำ มาทำ Carnival เต็มตัว เพราะเราต้องพุ่งสปีดเต็มที่แล้ว ร้านที่สยามกิตติ์เริ่มคับแคบและไม่พอแล้ว เราจึงย้ายจากสยามกิตติ์มาเปิดร้าน Carnival สยามสแควร์ ซอย 1 แทน ร้านเล็กๆข้างร้านน้องโบว์ พร้อมกับการได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ Undefeated, Stussy, HUF ในเวลาต่อมา พร้อมกับการทำคอลเลคชั่นพิเศษ Carnival x MAMAFAKA ปลายปีสยามวินเทจเริ่มล่มสลาย เราก็เลยย้ายร้าน Carnival Company ลงมาที่ สยามสแควร์ ซอย 10 แทน ( ร้าน Superzaap เดิม ) ปิดตรงนี้ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีเดิมเท่าตัว
.
2013 - ตัดสินใจ "เปิดร้านในห้าง" ครั้งแรก กับ Carnival สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งทำเลที่ได้คือชั้นใต้ดิน ถึงแม้จะ Location ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ๆ แต่ลูกค้าที่เป็นแฟนๆ ก็ยังให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จพอสมควร สินค้าหลักๆที่ขายก็ยังคงเป็นแบรนด์เดิมที่รวมจากสองสาขาที่สยามมาที่นี่ การเปิดสาขาที่นี่ บวกกับความนิยมของร้านที่สาขาสยามทั้งสองที่ ก็ดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีเดิมอีกเช่นเดียวกันเกือบเท่าตัว
.
2014 - จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งนึงของบริษัทอยู่ในปีนี้ กับการเข้าร่วม Partner กับ Nike, โดยที่ผ่านมานั้น ร้านเล็กๆของเราไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่า Nike จะให้ความสนใจ แต่พอได้พูดคุยก็ทราบว่า ทาง Nike เห็นผลงานของเรามาสักระยะแล้ว จากการวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นต่างๆที่ผ่านมา และการสร้างฐานลูกค้าผ่าน Social Media ของเรา ซึ่งตอนนั้น Partner ของ Nike ที่มีอยู่ในไทย ในสาย Street จะมี Preduce และ VAC ที่ถือ Account Nike SB และ Nike 6.0 กับ Air Jordan อยู่ ซึ่งตอนนั้นไนกี้ยังขาด Partners ในส่วนของ NSW อยู่ ทำให้เรามาเติมเต็มช่องว่างตรงส่วนนี้ จึงทำให้ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่กับการเปิดร้าน Upperground by Carnival ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ร้านขนาด 150 ตรม. ที่ลงทุนเยอะที่สุด ออกแบบโดยพี่หมู Nontawat Charoenchasri เป็นอีกหนึ่งร้านที่ชอบดีไซน์มากๆ ยังคงชอบถึงวันนี้ กับกระจกโค้งรอบด้านที่เล่นเอากระเป๋าฉีกกันไปเลย รวมถึงโครงสร้างเหล็กแบบอลังการที่ผู้รับเหมาต้องสร้างห้องอบสีขึ้นมาใหม่เลยกว่าจะทำร้านนี้ขึ้นมาได้ และเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ของการเริ่มต้นกับแบรนด์ Nike อย่างจริงจัง อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนคือเราได้ทำการย้ายร้าน (อีกแล้ว) จากสยามสแควร์ซอย 1 ร้านเดิม มาเปิดแทนร้าน Mister Donut ในฝั่งตรงข้ามแทน เนื่องจากได้ร้านที่ใหญ่กว่า
.
2015 - มาถึงตรงนี้ เกิดการย้ายร้านและทำร้านใหม่ รวมทั้งหมดปาเข้าไป 8 รอบแล้ว เปิดมา 5 ปี ทำร้านไป 8 ครั้ง แต่ถ้าคิดว่าเยอะแล้ว ยังไม่หมดนะเพราะปีนี้ เราทำงานต่อเนื่อง นอกจากขายของแล้ว ย้ายร้านคืองานรองของเรา 55555 มาถึงคิวของสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวกับข้อเสนอใหม่ของห้างที่อยากจะย้ายเราขึ้นไปเป็น Magnet ข้างบน รวมถึงการจัดระเบียบร้านในศูนย์ ฟังดูหล่อจัง 555 แต่ก็แลกมากับค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะพื้นที่ ที่ใหญ่กว่าเดิม มาถึงตรงนี้แล้วฟังดูเหมือนจะจบ แต่อยู่ๆ เราก็ได้รับข้อเสนอเรื่องพื้นที่จาก สำนักงานทรัพย์สินจุฬา ซึ่งที่ผ่านมาเราอยู่สยามมา 5 ปี ไม่เคยคิดว่าจะได้เช่าตรงมาก่อน ทำให้จากร้านเราที่น่าจะโอเคอยู่แล้ว รู้สึกมันจะเล็กๆไปทันที 5555555 จนกระทั่งติดสินใจย้ายร้าน Carnival สาขาสยามสแควรซอย 10 มาเปิดที่ตั้งปัจจุบันคือ Carnival HQ สยามสแควร์ ซอย 7 ที่ลาน Hard Rock Cafe.
รวมถึงการไปเปิดร้าน Outlet ที่ Gateway Ekamai ด้วย ถึงตรงนี้ก็รวมแล้วทำร้านไปทั้งหมด 11 รอบจ้าาาาาาาา 555555
และ ปี 2015 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดอีกครั้ง กับการได้วางจำหน่ายแบรนด์ Adidas Original ครั้งแรก ซึ่งกว่าจะได้มา เราใช้เวลาในการติดต่อร่วม 2 ปี ทำให้ความแข็งแกร่งของ Carnival มีมากขึ้นจากการที่ได้รวบรวมเอาแบรนด์รองเท้าชั้นนำเอามาไว้ด้วยกันอย่างครบครัน
.
2016 - ที่ผ่านมาเราไม่เคยนับว่าทำร้านไปทั้งหมดกี่ครั้ง เราก็เลยขอมาทำร้านกันต่อในปีนี้ 55555 กับการหาโอกาสในการขยายสาขาเพิ่ม จนกระทั่งเราได้รับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้จาก เมกา บางนา เป็นที่มาให้เรามาเปิดร้านใหม่กันที่นี่ และ ตัวร้านได้รับการออกแบบจากพี่หมูเจ้าเก่าเจ้าเดิมนี่เอง รวมแล้วทำร้านไปทั้งหมด 12 ครั้ง ครบโหลพอดี
.
2017 - เปิดปี 2017 กับข่าวที่ทำให้ตกใจอีกครั้ง กับการ Renovate ห้าง Central world , เห้ยต้องย้ายร้าน ! เอาอีกแล้วโว้ยยยย งานหนักตกที่ Pat Supaoath คนเดิม ผู้รับเหมาที่เหมางาน Carnival คนเดียว (เพราะมันเป็นหุ้นส่วน 555) ตรงนี้ทำให้เราต้องตัดใจทิ้งร้านที่เรารัก มาเปิดในแบบชั่วคราวก่อนเป็นเวลา 1ปี ซึ่งร้านชั่วคราวนี้ก็ต้องตกแต่งทำใหม่ เกือบจะทั้งหมด เสียเงินอีกแล้วจ้าาาา ยังโชคดีที่มีโครงกระจกเดิมอยู่ แต่ก็ไม่วายที่เราจะต้องทำอะไรใหม่ค่อนข้างเยอะ ตามสไตล์ที่ไม่ยอมให้ร้านดูไม่ดี ปิดปีนี้ไปด้วยการทำร้านเป็นรอบที่ 13
.
2018 - สถิติมีไว้ทำลาย เกิดไอเดียการทำร้านอีกแล้ว จากที่ต้องการขยายร้าน Carnival สาขาสยามซอย 7 ให้ทะลุขึ้นไปได้สองชั้น ก็เลยเป็นที่มาของโปรเจคใหญ่ Carnival HQ กับการทุบตึกทะลุ และ การออกแบบคอนเซปใหม่ทั้งหมดจนกระทั่งได้ร้าน Carnival ในปัจจุบันออกมา รวมถึงในปีนี้เราก็ได้ทำทำเลร้านใหม่ของ Upperground แล้ว ทำให้ต้องไปลงทุนสร้างร้านใหม่ที่ Central World ชั้น 3 อีก รวมแล้วสร้างสถิติใหม่ ทำร้านไปทั้งสิ้น 15 ครั้ง
.
2019 - เป็นปีที่ได้ทำโปรเจคที่เป็น Talk of the town อีกอัน คือการทำงานร่วมกับ KFC รวมถึง การ Launch โปรเจค Asics x Carnival ซึ่งเป็น Collaboration ตัวแรกที่วางจำหน่ายในระดับ Global มากกว่า 30 ประเทศ รวมถึงการทำ Collaboration รวมแล้วกว่า 27 โปรเจคทั้งปี ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของ Carnival (วัดจากยอดขายและโปรเจคที่ได้ทำ)
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าเราจะหยุดกลับมาเรื่องทำร้านก่อน เราได้รับข้อเสนอจากทาง CPN ถึงการเปิดร้าน Carnival outlet ที่ Central Village โดยแรกเริ่มเปิดแบบชั่วคราวไปก่อนซึ่งก็ต้องทำร้านอีกแล้ว พอเปิดไปได้สี่เดือน เราเลยตัดสินใจเปิดแบบถาวรซึ่งก็ต้องย้ายไปที่ร้านใหม่อีกรอบ และอาทิตย์ที่ผ่านมากับการไปเปิด Carnival Shop in Shop คอนเซปใหม่ที่ Siam Paragon Department Store ทำให้ปีนี้ก็ทำร้านอีกสามรอบ รวมแล้วเป็น 18 ครั้งถ้วนนนน
ไม่ต้องถามว่าทั้งหมดนี้ใครรวย พอสรุปได้ใช่มั้ยว่าเป็น Pat Supaoath แน่ๆ 5555555555555
.
รีวิวข้างต้นนี้เป็นการ Focus Timeline เรื่องการย้ายร้านโดยเฉพาะ ส่วนเรื่องโปรเจค Collaboration ต่างๆและ achievement ต่างๆที่เราได้รับในแต่ละปีผมไม่สามารถระบุได้หมด แต่ทุกคนน่าผ่านตากันมาบ้างแล้ว เรียกได้ว่าเป็น 9 ปีที่เรา " โตไปด้วยกัน " ทั้งวงการ ต้องขอขอบคุณ ลูกค้า แบรนด์ ศิลปิน มีเดีย ห้าง supplier ที่ปรึกษา เจ้าของพื้นที่ ทีมงาน เพื่อน ครอบครัว ทุกๆคนที่มีส่วนร่วมสนับสนุน Carnival ในตลอด 9 ปีที่ผ่านมา บอกได้ไม่หมดแต่ทุกคนรู้ตัวกันแน่นอนใครที่มีส่วนร่วมทุกคนคุณนั่นแหละครับ แต่ละครั้งที่เราสามารถก้าวไปได้อีกขั้นผมรู้สึกเหมือนทุกๆคนคือทีมเดียวกับเรา เฮไปกับเรา ดีใจไปกับเรา คอยเชียร์คอยดูว่าพวกเราจะไปได้ไกลแค่ไหน ความรู้สึกนี้มันโคตรดีเลย ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง
.
และปี 2020 จะเป็นปีที่เราจะฉลองครบรอบ 10 ปี Carnival บอกได้แค่ว่า พลังงานและแรงขับเคลื่อนในตัวเรายังมีเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนเราเปิดร้านเมื่อ 9 ปีที่แล้วเลย โปรเจคฉลองครบรอบ 10 ปี Carnival ตลอดทั้งปีที่เราเตรียมไว้ เราไม่ยอมน้อยหน้าปี 2019 แน่ๆ โปรดรอติดตามชมนะครับ
Love you All
Happy New Year 2020
Carnival 10th Anniversary
「global collaboration village」的推薦目錄:
- 關於global collaboration village 在 Patchai Pakdeesusuk Facebook 的精選貼文
- 關於global collaboration village 在 黃之鋒 Joshua Wong Facebook 的最佳解答
- 關於global collaboration village 在 Global Collaboration Village #WEF23 #Davos - YouTube 的評價
- 關於global collaboration village 在 Дэлхийн эдийн засгийн форум нь "Global Collaboration ... 的評價
global collaboration village 在 黃之鋒 Joshua Wong Facebook 的最佳解答
【《金融時報》深度長訪】
今年做過數百外媒訪問,若要說最能反映我思緒和想法的訪問,必然是《金融時報》的這一個,沒有之一。
在排山倒海的訪問裡,這位記者能在短短個半小時裡,刻畫得如此傳神,值得睇。
Joshua Wong plonks himself down on a plastic stool across from me. He is there for barely 10 seconds before he leaps up to greet two former high school classmates in the lunchtime tea house melee. He says hi and bye and then bounds back. Once again I am facing the young man in a black Chinese collared shirt and tan shorts who is proving such a headache for the authorities in Beijing.
So far, it’s been a fairly standard week for Wong. On a break from a globe-trotting, pro-democracy lobbying tour, he was grabbed off the streets of Hong Kong and bundled into a minivan. After being arrested, he appeared on the front pages of the world’s newspapers and was labelled a “traitor” by China’s foreign ministry.
He is very apologetic about being late for lunch.
Little about Wong, the face of Hong Kong’s democracy movement, can be described as ordinary: neither his Nobel Peace Prize nomination, nor his three stints in prison. Five years ago, his face was plastered on the cover of Time magazine; in 2017, he was the subject of a hit Netflix documentary, Joshua: Teenager vs Superpower. And he’s only 23.
We’re sitting inside a Cantonese teahouse in the narrow back streets near Hong Kong’s parliament, where he works for a pro-democracy lawmaker. It’s one of the most socially diverse parts of the city and has been at the heart of five months of unrest, which has turned into a battle for Hong Kong’s future. A few weekends earlier I covered clashes nearby as protesters threw Molotov cocktails at police, who fired back tear gas. Drunk expats looked on, as tourists rushed by dragging suitcases.
The lunch crowd pours into the fast-food joint, milling around as staff set up collapsible tables on the pavement. Construction workers sit side-by-side with men sweating in suits, chopsticks in one hand, phones in the other. I scan the menu: instant noodles with fried egg and luncheon meat, deep fried pork chops, beef brisket with radish. Wong barely glances at it before selecting the hometown fried rice and milk tea, a Hong Kong speciality with British colonial roots, made with black tea and evaporated or condensed milk.
“I always order this,” he beams, “I love this place, it’s the only Cantonese teahouse in the area that does cheap, high-quality milk tea.” I take my cue and settle for the veggie and egg fried rice and a lemon iced tea as the man sitting on the next table reaches over to shake Wong’s hand. Another pats him on the shoulder as he brushes by to pay the bill.
Wong has been a recognisable face in this city since he was 14, when he fought against a proposal from the Hong Kong government to introduce a national education curriculum that would teach that Chinese Communist party rule was “superior” to western-style democracy. The government eventually backed down after more than 100,000 people took to the streets. Two years later, Wong rose to global prominence when he became the poster boy for the Umbrella Movement, in which tens of thousands of students occupied central Hong Kong for 79 days to demand genuine universal suffrage.
That movement ended in failure. Many of its leaders were sent to jail, among them Wong. But the seeds of activism were planted in the generation of Hong Kongers who are now back on the streets, fighting for democracy against the world’s most powerful authoritarian state. The latest turmoil was sparked by a controversial extradition bill but has evolved into demands for true suffrage and a showdown with Beijing over the future of Hong Kong. The unrest in the former British colony, which was handed over to China in 1997, represents the biggest uprising on Chinese soil since the 1989 pro-democracy movement in Beijing. Its climax, of course, was the Tiananmen Square massacre, when hundreds, perhaps thousands, of people were killed.
“We learnt a lot of lessons from the Umbrella Movement: how to deal with conflict between the more moderate and progressive camps, how to be more organic, how to be less hesitant,” says Wong. “Five years ago the pro-democracy camp was far more cautious about seeking international support because they were afraid of pissing off Beijing.”
Wong doesn’t appear to be afraid of irking China. Over the past few months, he has lobbied on behalf of the Hong Kong protesters to governments around the world. In the US, he testified before Congress and urged lawmakers to pass an act in support of the Hong Kong protesters — subsequently approved by the House of Representatives with strong bipartisan support. In Germany, he made headlines when he suggested two baby pandas in the Berlin Zoo be named “Democracy” and “Freedom.” He has been previously barred from entering Malaysia and Thailand due to pressure from Beijing, and a Singaporean social worker was recently convicted and fined for organising an event at which Wong spoke via Skype.
The food arrives almost immediately. I struggle to tell our orders apart. Two mouthfuls into my egg and cabbage fried rice, I regret not ordering the instant noodles with luncheon meat.
In August, a Hong Kong newspaper controlled by the Chinese Communist party published a photo of Julie Eadeh, an American diplomat, meeting pro-democracy student leaders including Wong. The headline accused “foreign forces” of igniting a revolution in Hong Kong. “Beijing says I was trained by the CIA and the US marines and I am a CIA agent. [I find it] quite boring because they have made up these kinds of rumours for seven years [now],” he says, ignoring his incessantly pinging phone.
Another thing that bores him? The media. Although Wong’s messaging is always on point, his appraisal of journalists in response to my questions is piercing and cheeky. “In 15-minute interviews I know journalists just need soundbites that I’ve repeated lots of times before. So I’ll say things like ‘I have no hope [as regards] the regime but I have hope towards the people.’ Then the journalists will say ‘oh that’s so impressive!’ And I’ll say ‘yes, I’m a poet.’ ”
And what about this choice of restaurant? “Well, I knew I couldn’t pick a five-star hotel, even though the Financial Times is paying and I know you can afford it,” he says grinning. “It’s better to do this kind of interview in a Hong Kong-style restaurant. This is the place that I conducted my first interview after I left prison.” Wong has spent around 120 days in prison in total, including on charges of unlawful assembly.
“My fellow prisoners would tell me about how they joined the Umbrella Movement and how they agreed with our beliefs. I think prisoners are more aware of the importance of human rights,” he says, adding that even the prison wardens would share with him how they had joined protests.
“Even the triad members in prison support democracy. They complain how the tax on cigarettes is extremely high and the tax on red wine is extremely low; it just shows how the upper-class elite lives here,” he says, as a waiter strains to hear our conversation. Wong was most recently released from jail in June, the day after the largest protests in the history of Hong Kong, when an estimated 2m people — more than a quarter of the territory’s 7.5m population — took to the streets.
Raised in a deeply religious family, he used to travel to mainland China every two years with his family and church literally to spread the gospel. As with many Hong Kong Chinese who trace their roots to the mainland, he doesn’t know where his ancestral village is. His lasting memory of his trips across the border is of dirty toilets, he tells me, mid-bite. He turned to activism when he realised praying didn’t help much.
“The gift from God is to have independence of mind and critical thinking; to have our own will and to make our own personal judgments. I don’t link my religious beliefs with my political judgments. Even Carrie Lam is Catholic,” he trails off, in a reference to Hong Kong’s leader. Lam has the lowest approval rating of any chief executive in the history of the city, thanks to her botched handling of the crisis.
I ask whether Wong’s father, who is also involved in social activism, has been a big influence. Wrong question.
“The western media loves to frame Joshua Wong joining the fight because of reading the books of Nelson Mandela or Martin Luther King or because of how my parents raised me. In reality, I joined street activism not because of anyone book I read. Why do journalists always assume anyone who strives for a better society has a role model?” He glances down at his pinging phone and draws a breath, before continuing. “Can you really describe my dad as an activist? I support LGBTQ rights,” he says, with a fist pump. His father, Roger Wong, is a well-known anti-gay rights campaigner in Hong Kong.
I notice he has put down his spoon, with half a plate of fried rice untouched. I decide it would be a good idea to redirect our conversation by bonding over phone addictions. Wong, renowned for his laser focus and determination, replies to my emails and messages at all hours and has been described by his friends as “a robot.”
He scrolls through his Gmail, his inbox filled with unread emails, showing me how he categorises interview requests with country tags. His life is almost solely dedicated to activism. “My friends and I used to go to watch movies and play laser tag but now of course we don’t have time to play any more: we face real bullets every weekend.”
The protests — which have seen more than 3,300 people arrested — have been largely leaderless. “Do you ever question your relevance to the movement?” I venture, mid-spoonful of congealed fried rice.
“Never,” he replies with his mouth full. “We have a lot of facilitators in this movement and I’m one of them . . . it’s just like Wikipedia. You don’t know who the contributors are behind a Wikipedia page but you know there’s a lot of collaboration and crowdsourcing. Instead of just having a top-down command, we now have a bottom-up command hub which has allowed the movement to last far longer than Umbrella.
“With greater power comes greater responsibility, so the question is how, through my role, can I express the voices of the frontliners, of the street activism? For example, I defended the action of storming into the Legislative Council on July 1. I know I didn’t storm in myself . . . ” His phone pings twice. Finally he succumbs.
After tapping away for about 30 seconds, Wong launches back into our conversation, sounding genuinely sorry that he wasn’t there on the night when protesters destroyed symbols of the Chinese Communist party and briefly occupied the chamber.
“My job is to be the middleman to express, evaluate and reveal what is going on in the Hong Kong protests when the movement is about being faceless,” he says, adding that his Twitter storm of 29 tweets explaining the July 1 occupation reached at least four million people. I admit that I am overcome with exhaustion just scanning his Twitter account, which has more than 400,000 followers. “Well, that thread was actually written by Jeffrey Ngo from Demosisto,” he say, referring to the political activism group that he heads.
A network of Hong Kong activists studying abroad helps fuel his relentless public persona on social media and in the opinion pages of international newspapers. Within a week of his most recent arrest, he had published op-eds in The Economist, The New York Times, Quartz and the Apple Daily.
I wonder out loud if he ever feels overwhelmed at taking on the Chinese Communist party, a task daunting even for some of the world’s most formidable governments and companies. He peers at me over his wire-framed glasses. “It’s our responsibility; if we don’t do it, who will? At least we are not in Xinjiang or Tibet; we are in Hong Kong,” he says, referring to two regions on Chinese soil on the frontline of Beijing’s drive to develop a high-tech surveillance state. In Xinjiang, at least one million people are being held in internment camps. “Even though we’re directly under the rule of Beijing, we have a layer of protection because we’re recognised as a global city so [Beijing] is more hesitant to act.”
I hear the sound of the wok firing up in the kitchen and ask him the question on everyone’s minds in Hong Kong: what happens next? Like many people who are closely following the extraordinary situation in Hong Kong, he is hesitant to make firm predictions.
“Lots of think-tanks around the world say ‘Oh, we’re China experts. We’re born in western countries but we know how to read Chinese so we’re familiar with Chinese politics.’ They predicted the Communist party would collapse after the Tiananmen Square massacre and they’ve kept predicting this over the past three decades but hey, now it’s 2019 and we’re still under the rule of Beijing, ha ha,” he grins.
While we are prophesying, does Wong ever think he might become chief executive one day? “No local journalist in Hong Kong would really ask this question,” he admonishes. As our lunch has progressed, he has become bolder in dissecting my interview technique. The territory’s chief executive is currently selected by a group of 1,200, mostly Beijing loyalists, and he doubts the Chinese Communist party would ever allow him to run. A few weeks after we meet he announces his candidacy in the upcoming district council elections. He was eventually the only candidate disqualified from running — an order that, after our lunch, he tweeted had come from Beijing and was “clearly politically driven”.
We turn to the more ordinary stuff of 23-year-olds’ lives, as Wong slurps the remainder of his milk tea. “Before being jailed, the thing I was most worried about was that I wouldn’t be able to watch Avengers: Endgame,” he says.
“Luckily, it came out around early May so I watched it two weeks before I was locked up in prison.” He has already quoted Spider-Man twice during our lunch. I am unsurprised when Wong picks him as his favourite character.
“I think he’s more . . . ” He pauses, one of the few times in the interview. “Compared to having an unlimited superpower or unlimited power or unlimited talent just like Superman, I think Spider-Man is more human.” With that, our friendly neighbourhood activist dashes off to his next interview.
global collaboration village 在 Дэлхийн эдийн засгийн форум нь "Global Collaboration ... 的推薦與評價
Дэлхийн эдийн засгийн форум нь " Global Collaboration Village " буюу "Дэлхийн хамтын ажиллагааны тосгон" гэх "Metaverse" платформ байгуулж байгаагаа... ... <看更多>
global collaboration village 在 Global Collaboration Village #WEF23 #Davos - YouTube 的推薦與評價
DESCRIPTION: Join the press conference to learn about the working prototype of the Forum's Global Collaboration Village in partnership with ... ... <看更多>