《80後百萬富翁》
【思維篇--正常≠正確】
大家都習以為常地將正常的事情視為正確的事情,但從來沒有自己去分析或質疑,對於一些與大部分人不同的行為,人們會叫作「不正常」,而不正常在人們
心目中包含著負面的意思,暗地裡已假設了——不正常=不正確。
多年來,人們都將「正常」解讀為「正確」,而沒有去質疑「事實」。歐洲人多年來都認為地球是平的,相信世界盡頭是懸崖,地球是世界的中心,所有天體都繞著地球轉動,這都是當時公認的「事實」,卻沒有人證實。
「書中自有黃金屋」植根於每個中國人的心中,認為讀書是出人頭地及得到榮華富貴的唯一途徑,由古時的科舉到今天的會考,考得不好的學生被視為沒機會出人頭地。
美國首富蓋茨就用他自己來寫出這個不等號,他入讀很多人傾慕的哈佛大學,卻中途退學,做出這不正常、但在他心中肯定是正確的事。除了蓋茨之外,蘋果公司(Apple Inc.)創辦人喬布斯(Steve Jobs),戴爾電腦(Dell Computer)創辦人米高‧戴爾(Michael Dell),Facebook創辦人朱克伯格(Mark Zuckerberg),名導演占士金馬倫(James Cameron)等人同樣曾經中途退學,他們都是社會上公認的成功人士。
並不是在鼓勵大家中途退學,只是想說明,有很多事情都不是單純的一個等號:
成功與學歷能否劃上等號?財富與學歷能否劃上等號?若然你有一顆質疑的心,你就明白正常的事並不代表是正確的事。
在讀書時期,學校要求我們作答的,要與所謂「標準答案」一致;但在創富的世界,愈標準的答案便愈無用,賺大錢的意念往來自一些出奇制勝的策略。在香港,打工仔經常轉工會被視為不好的事;但從學習的角度來看,轉工愈多愈好,對某些人來說,能更易找到自己真正的興趣及方向。
若一個人沒有正職,可能會被視為不務正業;但事實是有不少創業者、投資者,只需安坐家中也能建立
巨大財富,發展驚人事業。
在投資方面,不少人同樣缺乏質疑的態度,他們相信一路沿用的投資方法,就是正確的方法;就算是專家、傳媒的資訊與分析,又是否必然正確呢?教這種投資方法的人是否正確呢?
這種方法能真正賺錢嗎?筆者經常對所謂「專家」的分析抱有懷疑,甚至質疑他的整套理論。一般跟風的投資者若果能細心思考,他們可能會發現用了幾十年的投資方法竟然是錯的方法!只是周圍的人也用,而且他們當中從來沒有人作出質疑!
--------------------------------------------
《80後百萬富翁》分享我如何用一套恆之有效的理財創富方法,令月入萬多元的我在5年間合理地累積到$100萬,而這套方法應用在任何人都同樣有效的。
這書由起手到出版花了兩年時間,雖然我不敢說這書對你是否有作用,但我敢說這書是花了我不少心機而寫成的。
若你認為此書好看,對你有幫助,可到各大小書店,如三聯商務誠品等購買,多謝支持!
dell jobs 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
คนรวย รวยมาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า? นี่อาจจะเป็นคำถามที่ใครหลายๆ คนคิดสงสัยกันในใจ วันนี้เลยจะพามาดูอาชีพแรกของเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้จุดเริ่มต้นการทำงานของพวกเขาคืออะไร แล้วทำยังไงพวกเขาถึงได้ประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ และไม่น่าเชื่อว่าบางคนจะเคยทำงานนี้มาก่อน!
.
- Jeff Bezos เจ้าของบริษัท Amazon
อาชีพแรก : คนย่างเนื้อร้าน McDonald’s
ชายที่รวยสุดในโลก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Amazon.com ใครจะรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s รับหน้าที่ในการยืนย่างเนื้อหน้าเตาร้อนๆ ตลอดทั้งวันแทบจะไม่ได้นั่งพักและไม่มีโอกาสได้เป็นแคชเชียร์หน้าร้านเลยสักครั้ง แต่แล้วยังไงในเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นบุคคลที่โค่นสถิตคนที่รวยที่สุดในโลกของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
.
- Bill Gates เจ้าของบริษัท Microsoft
อาชีพแรก : โปรแกรมเมอร์
มหาเศรษฐีที่เคยรวยที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะถูกแย่งบัลลังก์จาก เจฟฟ์ เบโซส ตกลงมาที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารวยน้อยลงเลย บิล เกตส์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ที่มีความสนใจในด้านเทคโนโลยีมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มจากการแฮกระบบคอมของโรงเรียนเพื่อที่จะได้เล่นคอมให้นานขึ้น พอเข้าช่วงมอปลายเขาก็ได้จริงจังกับการเขียนโปรแกรมและได้ขายให้กับโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็น Software ชิ้นแรกที่เขาทำเงินได้อย่างจริงจัง และไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงได้ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้
.
- Warren Buffett นักลงทุนระดับโลก
อาชีพแรก : เด็กส่งหนังสือพิมพ์
“ตำนานวงการตลาดหุ้น” เป็นคนที่นักลงทุนทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์มาก่อนไม่เพียงเท่านั้นเขานำเงินที่ได้ไปลงทุนต่อยอดในขณะที่มีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการตลาดหุ้นจนถึงทุกวันนี้
.
- Michael Bloomberg เจ้าของบริษัท Bloomberg
อาชีพแรก : คนเฝ้าที่จอดรถ
อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ผู้ก่อตั้ง Bloomberg ผู้ให้บริการ ข่าว และ ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับข้อมูลด้านการเงิน เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีไม่ได้มีเงินมากนัก เขาต้องกู้เงินและทำงานรับจ้างเป็นคนดูแลที่จอดรถเพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ และมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้ในที่สุด
.
- Jack Ma เจ้าของบริษัท Alibaba
อาชีพแรก : ครูสอนภาษาอังกฤษ
นักธุรกิจชาวจีน เจ้าของบริษัทอีคอมเมิรซ์เจ้าใหญ่อย่าง Alibaba แจ็คเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขามองเห็นว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตเขาได้จึงฝึกฝนทุกวันโดยการปั่นจักรยานกว่า 45 นาทีเข้าไปคุยกับนักท่องเที่ยวในเมืองทุกวัน จนทำให้สามารถสอบเข้าเอกภาษาอังฤษและได้เริ่มเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ 5 ปีหลังเรียนจบ ซึ่งได้เงินเดือนอยู่ที่ราวๆ 500-600 บาทเท่านั้น และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบันไดที่ทำให้เขาสามารถสร้างบริษัทจนประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
.
- Michael Dell ผู้ก่อตั้งบริษัท Dell computer
อาชีพแรก : เด็กล้างจาน
ไมเคิลร่วมกับเพื่อก่อตั้งบริษัท Dell computer ในขณะที่มีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเด็กล้างจานในร้านอาหารจีนตอนอายุ 12 ปี ก่อนจะได้รับเลื่อนขั้นให้เป็นผู้ช่วยแม่บ้านแต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะย้ายจากร้านอาหารจีนไปทำร้านอาหารเม็กซิกันแทนเพราะได้ค่าจ้างที่สูงกว่า ซึ่งเขาได้นำเงินสะสมมาซื้อคอมเก่าเพื่อซ่อมแล้วขายต่อจนเก็บเงินเปิดบริษัทคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด
.
- Steve Jobs ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple
อาชีพแรก : เด็กฝึกงานที่บริษัท HP
ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก สมัยเรียน สตีฟ จ็อบส์ ได้เข้าฝึกงานกับบริษัท HP ตั้งแต่ยังเรียนอยู่เพียงแค่ชั้นมอปลาย ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบกับผู้ร่วมก่อตั้ง Apple อย่าง สตีฟ วอซเนียก จนพวกเขาได้เริ่มต้นปฏิวัติวงการเทคโนโลยีของโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดไม่ว่าจะเป็น Iphone, Ipad, Ipod และ Mac
.
- Giorgio Armani เจ้าของแบรนด์ Armani
อาชีพแรก : ผู้ช่วยช่างภาพ
ใครจะคิดว่าดีไซเนอร์ระดับโลกเจ้าของแบรนด์ Armani คนนี้จะเคยเข้าเรียนด้านการแพทย์มาก่อนที่เขาจะค้นพบว่ามันไม่ใช่ทางของตัวเองสุดๆ ซึ่งก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นเขาได้ทำงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพมาก่อนและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้ซึมซับแนวคิดเรื่องของแฟชั่นจนเปิดแบรนด์เป็นของตัวเองในเวลาต่อมา
.
- Donald Trump ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกา
อาชีพแรก : เก็บขวดโซดาขาย
ประธานาธิบดีแห่งประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก ได้เคยเล่าว่าเขาหาเงินก้อนแรกในชีวิตด้วยการเก็บขวดโซดาที่โรงงานของพ่อมาขายกับพี่ชาย ซึ่งเป็นการทำให้เขาได้เรียนรู้การทำธุรกิจเป็นครั้งแรกก่อนที่จะโตขึ้นกลายเป็นนักธุรกิจและเดินสายมาทางด้านการเมืองจนได้มาเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกาในวันนี้
.
- Kevin Plank เจ้าของแบรนด์ Under Armour
อาชีพแรก : คนตัดหญ้า
อดีตนักอเมริกันฟุตบอล เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์ชื่อดังอย่าง Under Armour มีชีวิตที่ไม่ได้เริ่มต้นมาสวยหรูนักเพราะเขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ด้วยการรับจ้างตัดหญ้าที่ได้เงินตอบแทนประมาณ 15-30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสนามเท่านั้น ก่อนที่เขาจะใช้ห้องใต้ดินเป็นฐานลับในการทำธุรกิจเขย่าวงการอุปกรณ์กีฬาในเวลาต่อมา
.
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับอาชีพแรกของเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกที่เส้นทางของแต่ละคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนในภาพฝัน พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เริ่มต้นทำงานและค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัว ผ่านความยากลำบากมามากมายกว่าจะประสบความสำเร็จดังเช่นวันนี้ ดังนั้นขอทุกท่านอย่าพึ่งท้อหรือหยุดพัฒนาตนเอง เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มีค่าต่างๆให้ได้มากที่สุด เพื่อความสำเร็จที่กำลังรอคอยท่านอยู่ในวันข้างหน้า
.
ที่มา : https://money.kapook.com/view179007.html
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#billionnaires #firstjob #business
#JeffBezos #Amazon #BillGates #Microsoft #WarrenBuffett #Investor #MichaelBloomberg #Bloomberg #JackMa #Alibaba #MichaelDell #Dell #SteveJobs #Apple #GiorgioArmani #Armani #DonaldTrump #KevinPlank #UnderArmour
dell jobs 在 元毓 Facebook 的最讚貼文
作為一個2001年迷上蘋果並花了當時大部分資金買入蘋果股票的投資人,我必須說Steve Jobs剛回鍋的這段時期的諸多談話與觀點讓我學到很多,恐怕比iPhone紅遍全球後還多。
也是他讓我從一個傻傻以為Linux桌面系統有前景的呆瓜醒悟,。更幫助我在日後閱讀I. Fisher的「利息理論」時,自認關於「收入」一節有更深一層的認識。(去年我簡單解釋過,重貼補充於末)
我還記得不少人鄙夷的眼神問:「你為什麼要用蘋果電腦?跟大家都不相容。」
或「iPod會大賣?聽你在屁!」
或「Apple不知道何時破產耶,Dell說如果是他會直接清算。你竟然敢投資?!」
呵呵
PS 「何謂收入?」(2018/11/27)
https://tinyurl.com/y2rulp7p
前一篇談到中老年與青年預期收入之不同,特別補充一下經濟學「收入(income)」的概念。
根據利息理論大師I. Fisher的觀念,收入(income)是指一切可以帶來「享受(enjoyment)」的事物,除了金錢,也包含尊嚴、優越、五感或心靈的滿足乃至於愛情、親情....等等可以讓你覺得「有會比沒有」更好的事物。因此投資小孩,並不只物質的養育、金錢的教育投資,而是包含對小孩的時間、耐心、關心、照護、溝通...等等支出,期待換取小孩未來回報。換言之,投資愛情、投資親情,付出與回報都不僅僅是物質與金錢。
更進一步,Fisher著名的財富公式:「W=I/r」(財富等於未來收入流折現總合)當然也包括非金錢收入。
是的,經濟學認為一個人的總財富很大部分是「非金錢」的。
這點對經濟學外行恐怕很震撼,笑。
這也是說,只追求金錢的人是笨蛋,一生總財富量恐怕還輸給家庭和樂的水果攤老闆。這,才是正確的經濟學觀念。
只是跟一切金融投資一樣,投資都不見得有回報,因為存在風險 -- 不肖子孫、所嫁/娶非人、你愛的人不愛你/愛你的人你不愛、壞父母惡公婆、壞朋友...等等。猶如佛家言:愛別離苦、求不得苦、怨憎會苦,都會在風險實現時跑出來。因此,學好經濟學,面對付出情感卻無回報甚至背叛,也比較不會死心眼走死胡同。所謂:心無罣礙。無罣礙故。無有恐怖。遠離顛倒夢想。究竟涅槃。
那為什麼經濟學家「談收入都只談錢?」因為:1. 金錢收入是客觀且可輕易量度的與2. Fisher這類大師認為金錢是所有享受的前身,而人類一切享受以金錢來量度相對容易(例如你願意花25萬元買個包,客觀上可證明在你心中這個包包可以帶來的享受--美感、優越感、尊榮感...whatever -- 至少大於等於25萬元)。當然我們在邊際上可以「排列」enjoyment大小,例如一年只見愛孫一面的祖父母與天天見面者,初見面瞬間的快樂肯定有相對差異,但難以量化為絕對值。再談下去,會牽涉到measurement of utility的問題,我想我就跳過這塊了。
https://www.facebook.com/1423413777909464/posts/2286566268260873
【 影片分享:賈伯斯被質疑的片段 】
這是賈伯斯被蘋果開除幾年後,回歸蘋果
在蘋果全球開發者大會上,現場被質疑的過程
其中賈伯斯講了很重要的一段話:
"我們必須從消費者使用經驗回推、了解現有的缺陷
而不是從科技發想,去找推銷對象
我曾經犯過這個錯、傷痕都還在
Apple的品牌願景,一直是「我們能帶消費者去哪裡」
給他們一種新奇、難忘的使用經驗
而不是和工程師坐在那裡想
能把我們創新的科技賣給誰"
這對品牌、消費者、產品、使用者經驗...等等相關領域來說
都是很重要的基本觀念
原始影片:https://youtu.be/FF-tKLISfPE
dell jobs 在 Careers At Dell - ***戴爾台灣招募中!!! 的推薦與評價
戴爾台灣招募中!!!*** 只要你是MBA剛畢業,並具有3-5年的行銷工作經驗,歡迎加入我們! Dell Taiwan is hiring! We are seeking innovative and motivated MBA students ... ... <看更多>