บังกลาเทศ ทำอย่างไร ให้รวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถาน /โดย ลงทุนแมน
ในอดีต ถ้าเราเอา 3 ประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกันในเอเชียใต้
คือบังกลาเทศ อินเดีย และปากีสถาน
มาเทียบรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรกัน
จะเห็นว่า บังกลาเทศ เป็นประเทศที่อยู่ในอันดับสุดท้าย
แต่รู้ไหมว่าวันนี้ บังกลาเทศ คือประเทศที่รวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถานไปแล้ว
บังกลาเทศทำอย่างไร ให้รวยแซงประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและปากีสถาน
และในอนาคตพวกเขาตั้งเป้าจะพัฒนาประเทศเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรามาดูรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรใน 3 ประเทศนี้
ในอดีตเทียบกับปัจจุบัน อ้างอิงจาก World Bank
ปี 1980
- ปากีสถาน 9,400 บาท
- อินเดีย 8,300 บาท
- บังกลาเทศ 7,100 บาท
ปี 2020
- บังกลาเทศ 69,000 บาท
- อินเดีย 60,000 บาท
- ปากีสถาน 48,000 บาท
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวบังกลาเทศเติบโต 9.7 เท่า
ขณะที่อินเดียเติบโต 7.2 เท่า และปากีสถานเติบโต 5.1 เท่า
เรียกได้ว่า วันนี้บังกลาเทศคือประเทศร่ำรวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถานไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวัดจากรายได้ต่อหัวของประชากร
จริง ๆ แล้วบังกลาเทศถือเป็นประเทศที่เกิดหลังจากอินเดียและปากีสถาน
เนื่องจากในปี 1971 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว บังกลาเทศ มีชื่อเดิมคือ ปากีสถานตะวันออก ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองกับปากีสถานตะวันตก
ในช่วงแรกที่ปากีสถานตะวันออกต้องการแยกตัวออกจากปากีสถานตะวันตกนั้น
ทางปากีสถานตะวันตกไม่ยินยอม และใช้กำลังทหารเข้าไปจัดการปัญหา
แต่กลับมีตัวละครอีกตัวคือ อินเดีย
ที่ได้ส่งกองทัพเข้าไปช่วยปากีสถานตะวันออกรบกับปากีสถานตะวันตก
จนสุดท้ายปากีสถานตะวันออกได้รับชัยชนะ
และประกาศเอกราชมาเป็นประเทศบังกลาเทศ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนปากีสถานตะวันตกก็เป็น ประเทศปากีสถาน จนถึงวันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้บังกลาเทศจะสามารถแยกออกมาตั้งเป็นประเทศได้สำเร็จ แต่ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่แร้นแค้นอย่างหนัก ความไม่มั่นคงทางการเมือง มีการทุจริตในวงกว้าง ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อม
จึงทำให้ผู้คนนับล้านคน ไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเขาจึงต้องอพยพเข้าไปอยู่อินเดีย และบางส่วนอพยพด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยถูกทหารปากีสถานสังหาร
ความยากจนแร้นแค้นของประชาชน ทำให้ครั้งหนึ่งบังกลาเทศเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยเฉพาะช่วงแรกหลังจากประกาศเอกราชนั้น ประชากรกว่า 90% ของบังกลาเทศนั้นอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของบังกลาเทศเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อรัฐบาลได้นำเอาแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่มาใช้
โดยมีเรื่องสำคัญในแผนฉบับนั้นคือ
นโยบายการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ หรือ “Trade Liberalization”
ซึ่งนโยบายนี้ มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อมาช่วยให้กลไกตลาดสามารถทำงานได้อย่างเสรีมากขึ้น
ผลของการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ ทำให้การค้าและการลงทุนของประเทศนั้นเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
อัตราการเติบโตของ GDP บังกลาเทศ เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในช่วงปี 1980-1989 มาอยู่ที่ 4.7% ในช่วงปี 1990-1999
นโยบายดังกล่าว ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ
ที่นำไปสู่การปฏิรูปหลายภาคส่วนของบังกลาเทศ
เช่น นโยบายการค้า, ภาคอุตสาหกรรม, ภาคการเงิน รวมไปถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวลาต่อมา
ในปี 2000 มูลค่า GDP ของบังกลาเทศ เท่ากับ 1.7 ล้านล้านบาท
ในปี 2019 มูลค่า GDP ของบังกลาเทศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 10 ล้านล้านบาท
ทำให้บังกลาเทศถูกมองว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วมากที่สุดในโลก
และการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบติดจรวด ทำให้จากประเทศที่เคยยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะประเทศรายได้ปานกลางแล้วในวันนี้
และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีแซงหน้าอินเดียและปากีสถาน 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่รวยกว่าในอดีตไปแล้ว
จุดเด่นอีกเรื่องในโครงสร้างเศรษฐกิจของบังกลาเทศ คือ การมีแรงงานจำนวนมาก โดยปัจจุบันบังกลาเทศ มีจำนวนแรงงานกว่า 67 ล้านคน หรือประมาณ 41% ของจำนวนประชากร
จึงทำให้มีความได้เปรียบทางด้านค่าแรงที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกของบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากจุดนี้คือ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
อุตสาหกรรมเหล่านี้มีสัดส่วนสูงกว่า 90% ของมูลค่าการส่งออกของประเทศ ที่เท่ากับ 1.4 ล้านล้านบาทในปี 2019
ข้อได้เปรียบด้านแรงงาน จึงดึงดูดให้บริษัทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายระดับโลก เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในบังกลาเทศหลายบริษัท เช่น
- H&M แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกจากสวีเดน
- Primark แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายชื่อดังจากไอร์แลนด์
- ZARA แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกจากสเปน
- GAP แบรนด์เครื่องแต่งกายจากสหรัฐอเมริกา
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงปี 2011-2019
การส่งออกของบังกลาเทศเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.6% ทุกปี
เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่โตเฉลี่ย 0.4%
และตอนนี้บังกลาเทศ ยังกลายมาเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องแต่งกายอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่จีนประเทศเดียว
การมีตลาดแรงงานที่ใหญ่ และจำนวนประชากรของบังกลาเทศที่มีมากถึง 165 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก เมื่อรวมกับการที่รายได้ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ตลาดผู้บริโภคของที่นี่จะมีศักยภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ออกมาบอกว่า
ความท้าทายของบังกลาเทศ ก็จะคล้ายกับประเทศกำลังพัฒนาที่เคยอาศัยข้อได้เปรียบด้านแรงงานถูก
เพราะในอนาคต ถ้าจุดเด่นเรื่องแรงงานราคาถูกค่อย ๆ หายไป
บังกลาเทศ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปเน้นการผลิตและส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น แทนอุตสาหกรรมที่เน้นแรงงานอย่างอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเหมือนในวันนี้
ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของบังกลาเทศได้เตรียมการรองรับเรื่องดังกล่าว
ด้วยการออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่มีชื่อว่า “Bangladesh Vision 2041” ที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2021 โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจคือ
- เพิ่มสัดส่วนมูลค่าการลงทุนต่อ GDP จาก 34% มาอยู่ที่ 47%
- เพิ่มมูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจาก 297,600 ล้านบาท มาอยู่ที่ 4.8 ล้านล้านบาท
- เพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจาก 3.1 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 36 ล้านล้านบาท
- เพิ่มมูลค่าการส่งออกจาก 1.5 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 9.3 ล้านล้านบาท
โดยทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายก็เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตในประเทศ
และเพื่อทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวบังกลาเทศ เพิ่มไปอยู่ที่ 496,000 บาท
จนกลายเป็นประเทศ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรายได้สูง ภายในปี 2041 นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.business-standard.com/article/economy-policy/bangladesh-rises-to-be-south-asia-s-standout-star-as-india-pak-fall-behind-121060100237_1.html
-https://www.piie.com/commentary/speeches-papers/evaluating-success-trade-liberalization-bangladesh
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=IN-PK-BD
-https://data.worldbank.org/country/bangladesh
-https://www.worldstopexports.com/bangladeshs-top-10-exports/
-https://data.worldbank.org/indicator/SL.TLF.TOTL.IN?locations=BD
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bangladesh_Vision_2041
-https://blogs.worldbank.org/opendata/new-world-bank-country-classifications-income-level-2020-2021
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅唱跳藥師奶酪糕Nanoak,也在其Youtube影片中提到,#seanlew#天才少年#donate Sean Lew的舞技我覺得真的好的沒話說 每個動作除了細膩之外 還包含了強烈的情緒 這就是我要的編舞!!! 贊助他的網址: https://www.gofundme.com/seanlewfilm 她說明這個計畫的影片: https://www.yout...
world vision wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ประเทศแถบหนาว เจริญกว่า ประเทศแถบร้อน จริงหรือ? /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่ไหน ?
คำตอบคือ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่ตั้งอยู่ในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น
ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ จะอยู่ในทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่มีอากาศร้อนกว่า
จึงมีคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า จริง ๆ แล้วสภาพอากาศ
อาจมีอิทธิพลต่อการพัฒนาประเทศ
ประเทศแถบหนาว ต้องเจริญกว่า ประเทศแถบร้อน จริงหรือ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาดูข้อมูลเหล่านี้กันก่อนว่า แนวคิดดังกล่าวสะท้อนความจริงของเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
รู้ไหมว่า ประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจขนาดใหญ่เมื่อวัดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเป็นประเทศที่อยู่ในเขตหนาว และส่วนใหญ่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดย 10 ประเทศ ที่มี GDP มากที่สุดในโลก เมื่อเอา GDP มาบวกรวมกันแล้ว จะมีมูลค่าประมาณ 1,980 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 70% ของ GDP ทั้งโลก
ซึ่ง 10 ประเทศนั้นมาจาก
- ทวีปอเมริกาเหนือ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
- ทวีปยุโรป 4 ประเทศ คือ เยอรมนี สหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส
- ทวีปเอเชีย 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินเดีย
ถ้าไม่นับจีนและอินเดีย ที่มี GDP สูงจากจำนวนประชากรที่มาก
ประเทศที่เหลือทั้งหมดจะเป็นประเทศที่อยู่ในเขตที่มีอากาศหนาว
อีกประเด็นคือ ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก มาจาก
- ทวีปยุโรป 6 ประเทศ คือ ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
- ทวีปอเมริกาเหนือ 1 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา
- ทวีปเอเชีย 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์และกาตาร์
- ทวีปออสเตรเลีย 1 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีอากาศหนาว
ยกเว้น สิงคโปร์และกาตาร์ ที่ตั้งอยู่เขตอากาศร้อน
และออสเตรเลียนั้น เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่
ที่มีพื้นที่ทั้งที่มีอากาศหนาวเย็น และบางพื้นที่มีอากาศอบอุ่นถึงร้อน
ซึ่งที่น่าสนใจคือ เมืองดาร์วินที่เป็นเมืองหลวงของรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี รัฐทางตอนเหนือของออสเตรเลีย เป็นเมืองหลวงที่ร้อนที่สุดในประเทศ และเป็นเมืองหลวงที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวน้อยที่สุดในบรรดา 6 รัฐของออสเตรเลีย
จากข้อสังเกตเหล่านี้ จึงทำให้เกิดความเชื่อกันว่า ประเทศหรือพื้นที่ที่มีอากาศหนาวมักจะเจริญกว่าประเทศหรือพื้นที่ที่มีอากาศร้อน
David Landes อาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard เคยกล่าวไว้ว่า สำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศในแถบร้อน การจะมีชีวิตอยู่รอดได้ ผู้คนเหล่านั้นควรต้องทำงานช้าลง เพราะเหงื่อจะออกมาก ซึ่งนั่นอาจหมายถึง ผลิตภาพในการผลิต (Productivity) จะลดลงไปด้วย
สำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า สภาพอากาศที่เย็น ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องมีการวางแผนและร่วมมือมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในฤดูหนาว
เช่น ในสมัยโบราณ การล่าสัตว์และการหาอาหารนั้น ถือว่าทำได้ยากในฤดูหนาว ทำให้มนุษย์ในสมัยก่อนต้องวางแผนล่วงหน้า ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น
การอาศัยในพื้นที่ที่หนาวเย็น ยังบังคับให้ผู้คนบริเวณนั้น ต้องหาทางสร้างที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความหนาวเย็น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือระหว่างคนหลายฝ่ายเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ
ในขณะที่ถ้าลองเทียบกับประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบร้อน จะพบว่า มนุษย์ที่อาศัยในภูมิอากาศแบบเขตร้อนที่มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสร้างที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากเท่าไรนัก
ขณะที่การล่าสัตว์และหาอาหาร ก็สามารถทำได้สะดวกกว่าตลอดทั้งปี
แม้หลักฐานหลายอย่างจะบอกว่า สภาพอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาประเทศหรือระดับของคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่หรือประเทศนั้น ๆ
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง เราก็จะเห็นว่า มีหลายประเทศที่ไม่ได้มีอากาศหนาว แต่กลับสามารถพัฒนาประเทศให้ก้าวขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เช่น สิงคโปร์ และหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ก็เพราะว่า การพัฒนาประเทศมันไม่ได้มีแค่ ปัจจัยเรื่องอุณหภูมิในประเทศเพียงเท่านั้น
แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ความมั่นคงทางการเมือง เสถียรภาพของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ ความมั่งคั่งของทรัพยากรทางธรรมชาติของแต่ละประเทศ และคุณภาพประชากร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีของสิงคโปร์
ที่แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน ทั้งยังเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี 1959 หรือเมื่อ 62 ปีที่แล้วเท่านั้น แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปัจจุบัน
ด้วยความที่สิงคโปร์นั้นเป็นเกาะขนาดเล็กและไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่มากมายเหมือนหลายประเทศในเอเชีย ทำให้ในอดีตสิงคโปร์เคยถูกมองว่า จะเป็นประเทศที่ไม่สามารถพัฒนาจนร่ำรวยได้
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้นำของสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นพัฒนาทรัพยากรบุคลากร ให้มีความรู้ทั้งด้านภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี
มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ อย่างกรณีของท่าเรือที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีการขนถ่ายสินค้าผ่านตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
หลังจากนั้นก็ต่อยอดมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนตอนนี้ได้ตั้งเป้าเพื่อเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและสตาร์ตอัปของภูมิภาค ด้วยการดึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้เข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น
ยังไม่รวมการที่รัฐบาลสิงคโปร์มุ่งมั่นในการปราบคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใส (Corruption Perceptions Index) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ในปี 2020
สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยทำให้เกาะเล็กอย่างสิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศพัฒนาแล้วและมีรายได้ต่อหัวของประชากรมากเป็นอันดับ 8 ของโลกในวันนี้
กรณีของประเทศในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในเขตร้อนอย่าง กาตาร์ ก็เช่นเดียวกัน
แม้กาตาร์จะมีความโชคดี ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่จำนวนมหาศาล
มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 25,244 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 55 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก
แต่กาตาร์ก็รู้ว่า ในอนาคตรายได้จากน้ำมันมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น รายได้ดังกล่าวจึงต้องถูกนำมาใช้และบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างในปี 2008 รัฐบาลกาตาร์ได้ออกแผน Qatar National Vision 2030 ซึ่งเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกาตาร์ เพื่อพัฒนาด้านบุคลากร เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สำหรับรองรับความท้าทายและกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
หนึ่งในนั้นคือ การลงทุนด้านการศึกษาซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของประเทศ
อย่างเช่น การจัดตั้ง Education City ด้วยการดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส เข้ามาตั้งเป็นวิทยาเขตในประเทศ
วันนี้ ประชาชนชาวกาตาร์ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับที่ 10 ของโลก และถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน
สรุปคือ แม้เราจะเห็นหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นกันมาก และแม้ว่าความหนาวเย็นของอากาศในประเทศ จะมีผลต่อ Productivity ของคนในประเทศนั้นไม่มากก็น้อย
แต่อย่าลืมว่า การจะเป็นประเทศที่คนมีรายได้สูง และเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น มันไม่สามารถตัดสินได้ด้วยปัจจัยเรื่องความสูงต่ำของอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว
ซึ่งเราคงบอกได้ว่า ถ้าประเทศนั้นมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน
ใช้จุดเด่นของประเทศให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ไม่ว่าประเทศนั้นจะตั้งอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก
อากาศในประเทศจะร้อนหรือจะหนาว
ประเทศนั้น ก็คงสามารถกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.sgsep.com.au/assets/main/SGS-Economics-and-Planning-Economic-performance-fo-asutralias-cities-and-regions-report.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://www.dailymail.co.uk/news/article-8477297/Why-colder-countries-richer-hot-nations.html
-https://data.worldbank.org/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_proven_oil_reserves
-https://www.transparency.org/en/cpi/2020/index/nzl
-https://en.wikipedia.org/wiki/Education_City
- http://www.futurecasts.com/Landes,%20Wealth%20&%20Poverty%20of%20Nations.html
-https://blogs.worldbank.org/opendata/new-world-bank-country-classifications-income-level-2020-2021
world vision wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ทำไม ซาอุดีอาระเบีย ถึงอยากเป็น "The Next Germany" /โดย ลงทุนแมน
ซาอุดีอาระเบียติด Top 10 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลก
ทั้งที่มีประชากรเพียง 34 ล้านคน อยู่ในอันดับ 41 ของโลก
ทำให้เมื่อหารเฉลี่ยต่อหัวแล้ว ชาวซาอุดีอาระเบียจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มากถึงปีละ 18.5 ตันต่อคน มากกว่าชาวเยอรมันถึง 2 เท่า
การปล่อยก๊าซที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน
ทำให้ประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่
โดยมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการที่จะลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
แต่เป้าหมายของซาอุดีอาระเบียคือการเป็นผู้ส่งออกพลังงานหมุนเวียน
โดยประเทศที่ซาอุดีอาระเบียอาศัยเป็นต้นแบบด้านพลังงานหมุนเวียนก็คือ ประเทศเยอรมนี
ถึงขนาดผู้นำประเทศประกาศว่า เป้าหมายของซาอุดีอาระเบีย
คือการเป็น “The Next Germany”
เรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบกว่า 267,026 ล้านบาร์เรล
มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้น้ำมันเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของซาอุดีอาระเบีย
กว่าร้อยละ 80 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
น้ำมันที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือยังถูกนำมาใช้ในประเทศ ทั้งการขนส่ง และการผลิตกระแสไฟฟ้า
ซาอุดีอาระเบียผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเป็นสัดส่วนถึง 42% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งเป็นไม่กี่ประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันในสัดส่วนสูงขนาดนี้
นอกจากน้ำมัน แหล่งพลังงานที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้าของประเทศนี้ ก็คือก๊าซธรรมชาติอีกราว ๆ 57.8%
เท่ากับว่า การผลิตไฟฟ้าในประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบ 100%
ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการสร้างปัญหามลภาวะในอากาศ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในระหว่างกระบวนการผลิต
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการเปลี่ยนแปลงมาใช้พลังงานหมุนเวียน
และพลังงานสะอาดเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งยังรวมไปถึงการส่งออกพลังงานดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้มาชดเชยรายได้จากการส่งออกน้ำมันที่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดลง
และประเทศซึ่งเป็นต้นแบบของพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่ประสบความสำเร็จ
จนซาอุดีอาระเบียต้องการจะเดินรอยตาม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เยอรมนี”
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ เจ้าชายมูฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียถึงกับกล่าวว่า “ประเทศเราจะเป็นเหมือนกับเยอรมนี เมื่อพูดถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน”
รู้ไหมว่า เยอรมนีเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลก ที่เชี่ยวชาญการใช้พลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภทเพื่อการผลิตไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปี 1990 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 3%
ปี 2005 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 10%
ปี 2020 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 45%
ถือได้ว่า พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในเยอรมนีในวันนี้ เกือบครึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียน
และยังมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
เยอรมนีเป็นประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยในปี 2020 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์กว่า 51 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh)
สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
และยังเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมสูงถึง 134.5 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
ที่น่าสนใจคือ ภายในปี 2050 รัฐบาลเยอรมันตั้งเป้าไว้ว่า
การผลิตไฟฟ้าภายในประเทศจะมาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด 100%
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนี ล้วนเกิดจากการวางแผนที่ดี
การสนับสนุนและลงมือทำอย่างจริงจัง รวมไปถึงความร่วมมือกันระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน จนทำให้เยอรมนีได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ว่าเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบในด้านพลังงานหมุนเวียนที่หลายประเทศต้องการเดินรอยตาม ซึ่งรวมไปถึงซาอุดีอาระเบีย
สำหรับซาอุดีอาระเบียปี 2018 นั้น การผลิตไฟฟ้าในประเทศมาจากพลังงานหมุนเวียน
น้อยกว่า 1% ของแหล่งพลังงานทั้งหมด
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าด้วยการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 50% ภายในปี 2030
แต่การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ไปถึงสัดส่วนดังกล่าว
นอกจากการศึกษากระบวนการทำงานของประเทศต้นแบบที่ประสบความสำเร็จแล้ว ซาอุดีอาระเบียจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล
รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าหมายว่า ในช่วงระหว่างปี 2020-2023
ซาอุดีอาระเบียจะลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียได้ก่อสร้างโครงการพลังงานลมที่ชื่อว่า The Dumat Al Jandal
ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียยังวางแผนที่จะพัฒนาโครงการ Green Hydrogen ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตไฮโดรเจนสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 2.1 แสนล้านบาท
Green Hydrogen นั้นเป็นการผลิตไฮโดรเจนโดยการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา และก๊าซไฮโดรเจนที่ได้จะถูกนำไปผ่านเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป ซึ่งรัฐบาลของซาอุดีอาระเบียวางแผนที่จะส่งออกไฮโดรเจนสะอาดไปขายยังตลาดโลกอีกด้วย
ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนั้น นับเป็นหนึ่งในแผนภายใต้ Vision 2030 ที่เป็นนโยบายหนึ่งของการพัฒนาซาอุดีอาระเบียไปสู่ยุคสมัยใหม่ ที่ต้องการลดการพึ่งพาน้ำมัน
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จากประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันในปี 2019
กว่า 6 ล้านล้านบาท เป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดของโลก
แต่เมื่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ซาอุดีอาระเบียก็ต้องปรับตัวให้ทันตามกระแสโลก
และที่สำคัญคือ การกระจายความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งพาพลังงานใดพลังงานหนึ่งมากเกินไป..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Energy_in_Saudi_Arabia#:~:text=Electricity%20generation%20is%2040%25%20from,to%20120%20GW%20by%202032
-http://www.nst.or.th/powerplant/pp04.html
-https://www.arabnews.com/node/1801291/business-economy
-https://ourworldindata.org/renewable-energy
-https://www.cleanenergywire.org/factsheets/solar-power-germany-output-business-perspectives
-https://en.wikipedia.org/wiki/Solar_power_by_country
-https://www.ucsusa.org/resources/each-countrys-share-co2-emission
-https://energy.economictimes.indiatimes.com/news/renewable/worlds-top-10-countries-in-wind-energy-capacity/68465090#:~:text=China%20has%20a%20installed%20capacity,larger%20than%20its%20nearest%20rival.&text=The%20US%20comes%20second%20with%2096.4%20GW%20of%20installed%20capacity.
-https://sustainabledevelopment.un.org/index.php?page=view&type=99&nr=24&menu=1449#:~:text=Supply%20by%202050-,Germany%20has%20promised%20to%20transform%20its%20electricity%20supply%20to%20100,by%202050%20from%201990%20levels
-https://www.rechargenews.com/energy-transition/we-will-be-pioneering-saudi-arabia-reveals-50-renewables-goal-by-2030-but-is-that-realistic-/2-1-954094
-https://www.greentechmedia.com/articles/read/us-firm-unveils-worlds-largest-green-hydrogen-project#:~:text=Energy-,World%27s%20Largest%20Green%20Hydrogen%20Project%20Unveiled%20in%20Saudi%20Arabia,gigawatts%20of%20Saudi%20renewable%20electricity.&text=Massive%20green%20hydrogen%20facility%20would,Neom%20%22smart%20city%22%20project
-https://www.ammoniaenergy.org/articles/saudi-arabia-to-export-renewable-energy-using-green-ammonia/#:~:text=Last%20week%2C%20Air%20Products%2C%20ACWA,to%20be%20operational%20by%202025.
-https://www.statista.com/statistics/223231/opec-net-oil-export-revenue-streams-by-country/#:~:text=Saudi%20Arabia%20is%20the%20largest,Iraq%27s%2087%20billion%20U.S.%20dollars
world vision wiki 在 唱跳藥師奶酪糕Nanoak Youtube 的最讚貼文
#seanlew#天才少年#donate
Sean Lew的舞技我覺得真的好的沒話說
每個動作除了細膩之外
還包含了強烈的情緒
這就是我要的編舞!!!
贊助他的網址:
https://www.gofundme.com/seanlewfilm
她說明這個計畫的影片:
https://www.youtube.com/watch?v=O1T-HxC_jlg
參考資料
1.https://showbizpost.com/who-is-dancer-and-choreographer-sean-lew-his-wiki-age-height-parents-family-net-worth-facts-affair-girlfriend-nationality-career/
2.https://www.bilibili.com/video/av19221788/
3.https://kknews.cc/zh-tw/entertainment/v869qjy.html
奶酪糕
臉書專頁:
https://www.facebook.com/DJ.Nanoakmusiccreator/
Instagram
:https://www.instagram.com/_nanoak_/
音樂來源
Lost Sky - Vision [NCS Release]
https://www.youtube.com/watch?v=7RU1l8GtGOc
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/g1f7Bp6Qdf4/hqdefault.jpg)
world vision wiki 在 Phê Phim Youtube 的最佳解答
Phê Phim News: THE SHINING phần 2 | Phim THE FLASH bị ĐẨY LỊCH | TOM & JERRY phiên bản NGƯỜI ĐÓNG
Chào mừng các bạn đến với Phê Phim News, nơi mà mình nói về những tin tức thú vị nhất
trong thế giới điện ảnh tuần vừa rồi. Video hôm nay ngày 19/10 sẽ có những nội dung chính
như sau:
__
1. TOM & JERRY được chuyển thành Live-Action
- https://www.hollywoodreporter.com/heat-vision/tom-jerry-movie-be-directed-by-tim-story-1152446
- https://variety.com/2018/film/news/tom-and-jerry-scooby-doo-tim-story-warner-animation-1202978052/
__
2. NHÀ WARREN sẽ XUẤT HIỆN trong ANNABELLE 3
- https://screenrant.com/annabelle-3-cast-vera-farmiga-patrick-wilson/
- http://www.comingsoon.net/movies/news/998033-katie-sarife-joins-annabelle-3-movie-in-lead-role
__
3. Phim lẻ THE FLASH bị ĐẨY LÙI
-https://variety.com/2018/film/news/flash-standalone-movie-release-date-1202980356/
-https://io9.gizmodo.com/thanks-to-fantastic-beasts-the-flash-movie-just-slowed-1829770108
-https://en.wikipedia.org/wiki/Flash_in_film#The_Flash_(2020)
Điểm tin
- Phim tiểu sử Amy Winehouse: https://www.thewrap.com/amy-winehouse-biopic-in-the-works/
- Ralph Fiennes: https://www.hollywoodreporter.com/news/ralph-fiennes-receive-european-achievement-world-cinema-honor-1152614
- Halloween (2018): https://www.rottentomatoes.com/m/halloween_2018/
- The Lord of The Bombs: https://www.indiewire.com/2018/10/viggo-mortensen-lord-of-the-rings-peter-jackson-feared-for-his-life-1202012546/
__
4. Phần 2 của THE SHINING - DOCTOR SLEEP
- https://screenrant.com/shining-sequel-doctor-sleep-r-rating
- https://en.wikipedia.org/wiki/Doctor_Sleep_(2020_film)
Phim mới:
-A Simple Favor.
-Bad Time at the El Royale.
-First Man.
#PhêPhimNews #Số13
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/iuzM8INfyoo/hqdefault.jpg?sqp=-oaymwEbCKgBEF5IVfKriqkDDggBFQAAiEIYAXABwAEG&rs=AOn4CLCZFGBqf5-O7C7vPvwhh1B--nbmyQ)
world vision wiki 在 World Vision International: Homepage 的相關結果
A family gets water... · A hungry child is fed... · A family receives the tools to overcome poverty · Together we can protect vulnerable children. ... <看更多>
world vision wiki 在 世界宣明会- 维基百科,自由的百科全书 的相關結果
世界宣明会(英语:World Vision International,台湾称世界展望会),是一个基督教国际救援及发展机构,目前在全球约100个国家或地区工作。2018年度,在全球筹募所得 ... ... <看更多>
world vision wiki 在 世界宣明會- 維基百科,自由嘅百科全書 的相關結果
世界宣明會(英文:World Vision)係一個基督教國際救援同發展機構,目前喺全球約100個國或者地區做嘢,並且同世界衞生組織、聯合國兒童基金會同其他聯合國分支機構 ... ... <看更多>