PBOC Injects $14 Billion as Evergrande Debt Woes Roil Market
จีนอัดฉีดเม็ดเงินกว่า $14,000 ล้าน ให้ Evergrande หวังพยุงวิกฤตหนี้!!
By Tian Chen and Tania Chen
จีนเพิ่มการอัดฉีดเงินสดระยะสั้นเข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อเป็นสัญญาณว่าทางการกำลังหาทางบรรเทาความกังวลของตลาด ที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเงินทุนในไตรมาสสุดท้ายและวิกฤตหนี้ของกลุ่มบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์
โดย Bank of China ได้อัดฉีดเงินจำนวน 90 พันล้านหยวน (14 พันล้านดอลลาร์) บนเงื่อนไขที่จะซื้อคืนภายหลัง 7 วันและ 14 วัน ถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเป็นครั้งแรก ที่ทางการได้เพิ่มสภาพคล่องระยะสั้นกว่า 10 พันล้านหยวนเข้าสู่ระบบธนาคารในวันเดียว
การดำเนินการดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวิกฤตที่ เอเวอร์แกรนด์ เผชิญอยู่ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อของประเทศ ความตึงเครียด คือ ความต้องการเงินสดที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากธนาคารต่างไม่เต็มใจที่จะให้กู้ในไตรมาสสุดท้าย ขณะที่พวกเขาเตรียมการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ สภาพคล่องที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงเวลานี้ ในช่วงวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ ในต้นเดือนตุลาคม
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ Societe Generale SA นำโดย Wei Yao กล่าวว่า "การหลีกเลี่ยงการขาดสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ PBOC และมันควรที่จะทำเช่นนั้น"
“การพังของตลาดการเงินแบบ Lehman-style ไม่ใช่สิ่งที่เรากังวล แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อและรุนแรงนั้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า”
ความกังวลเกี่ยวกับ Evergrande เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวอยู่แล้ว มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้าย เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของร้านค้าปลีกและการเดินทาง
ขณะที่มาตรการลดราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประเทศรายงานตัวเลขการขายปลีกชะลอตัวในเดือนสิงหาคม พร้อมกับการเติบโตที่ลดลงในการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนใน fixed-asset
ทาง PBOC กำลังมองหาการสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการทำให้แน่ใจว่า การอัดฉีดเงินสดจะไม่ส่งผลให้เกิดฟองสบู่ของสินทรัพย์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม PBOC ได้งดเว้นจากการเพิ่มสภาพคล่องระยะกลางเข้าสู่ระบบการเงิน เนื่องจากถึงกำหนดชำระของนโยบายเงินกู้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางได้อัดฉีดเงินจำนวน 5 หมื่นล้านหยวนผ่าน reverse repo ที่มีระยะเวลา 7 วัน และอีก 5 หมื่นล้านหยวนผ่านสัญญา 14 วัน ซึ่งไม่ได้ใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
โดย Alvin Tan หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในเอเชีย ของ Royal Bank กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ยุติธรรม ที่จะบอกว่า
สถานการณ์ของ Evergrande และผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในวงกว้าง
จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของจีนมากกว่าการปราบปรามด้านกฎระเบียบอื่นๆ ของแคนาดาในฮ่องกง “ฉันจะไม่แปลกใจเลยที่ PBOC ทำหน้าที่ควบคุมผลกระทบในตลาดเงิน”
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Evergrande กำลังกระตุ้นให้คนที่จับตามองจีน คาดการณ์สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น จึงเพิ่มแรงกดดันในการแทรกแซง เนื่องจากสัญญาณของวิกฤติทางการเงินเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของ PBOC ยังไม่ได้ผลักดันอัตราตลาดเงินให้ต่ำลง อัตราซื้อคืนพันธบัตร 7 วัน เป็นตัวบ่งชี้ต้นทุนการกู้ยืมระหว่างธนาคาร พุ่งขึ้น 12 จุดในวันศุกร์เป็น 2.39% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
“PBOC ได้พิสูจน์ต่อตลาดอีกครั้งว่า ควรจะสนับสนุน เท่าที่มีความจำเป็นเท่านั้น” Frances Cheung นักยุทธศาสตร์ ของ Oversea-Chinese Banking Corp ในสิงคโปร์ กล่าว
สำหรับนักลงทุนที่ สนใจ ข้อมูลการลงทุนเชิงลึก
จากบทวิเคราะห์ระดับโลก รวมหลักแสนต่อปี
สามารถ สมัครเข้าดูได้ที่ห้องเรียนวงในครับ
สนใจ คอมเม้นใต้บทความได้เลย
--------------------------------
แอดปลา
「pboc คือ」的推薦目錄:
- 關於pboc คือ 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於pboc คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於pboc คือ 在 Facebook 的精選貼文
- 關於pboc คือ 在 เงินหยวน อ่อนค่าลง 0.6% หลัง PBOC ลดสัดส่วนกันสำรองสกุลเงิน ... 的評價
- 關於pboc คือ 在 จีนคาด CPI ฟื้นตัวแบบ U-shaped ปีนี้ l ย่อโลกเศรษฐกิจ 21 เม.ย.66 的評價
- 關於pboc คือ 在 เริ่มแล้ว Digital Yuan มาแน่! หน่วยการเงินใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ 的評價
pboc คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เปิดวิธีคิดเศรษฐกิจจีน ถอยหลังเพื่อไปต่อจริงหรือ ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดจีนในช่วงเวลานี้ มีหลายคำถามที่นักลงทุนกำลังรอฟังคำตอบ
ลงทุนแมน ได้ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนของกองทุนบัวหลวง
นั่นคือ ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา ตำแหน่ง Chief Economist ของกองทุนบัวหลวง
และ คุณทนง ขันทอง ตำแหน่ง Head of Strategic Communications ของกองทุนบัวหลวง
ใน Clubhouse เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญของตลาดจีนในช่วงเวลานี้ จะเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มต้นกันที่.. ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมา
ประเทศจีนมี GDP ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 18.3% (YoY) โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เป็นผลมาจากนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายจากวิกฤติโควิด 19, การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมช่วงปลายปี 2563 และภาคการค้าส่งออกตลอดช่วงต้นปี 2564
ขณะที่ล่าสุด GDP ไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 7.9% (YoY)
หากมองในแง่ของนักลงทุน ต้องยอมรับว่า เราผ่านช่วงเวลาที่เป็นจุดพีกของจีนกันไปแล้ว
แต่ในแง่ของพื้นฐานประเทศจีน ยังถูกมองว่าเป็น The Most Outstanding อยู่ดี
ที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางจีน (PBOC) พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
เช่น การปรับลดอัตราการดำรงเงินสำรอง (RRR) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปยังกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ ให้ยังคงอยู่รอดต่อไปได้
ดังนั้น หากเราเห็นว่าจีนกำลังลดสภาพคล่อง ความจริงแล้วสภาพคล่องยังคงมีอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าความท้าทายของจีน ยังมีอยู่อีกมาก
เช่น ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดตลาด และปัญหาเรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าส่งออกจีน หรือปัญหาการปรับตัวสูงของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมจีน
แล้วตอนนี้ ความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เป็นอย่างไร ?
สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่เริ่มต้นมาจากการประชุม Alaska Summit ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่กำลังคุกรุ่นต่อเนื่องมาจากสงครามการค้า และประเด็นด้านเทคโนโลยี ตั้งแต่สมัยที่ ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ต่อเนื่องไปจนถึง สิทธิของแรงงานในซินเจียง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็น Cyber Security ที่ทางสหรัฐอเมริกามีการอ้างว่าจีนได้ส่งแฮกเกอร์เข้าไปล้วงข้อมูลจาก Microsoft Exchange อีกด้วย
โดยทางกองทุนบัวหลวงมองว่าประเด็นทางด้าน Geopolitics เหล่านี้จะไม่กระทบกับภาคเศรษฐกิจจีน
เนื่องจากจีนพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นในเชิงด้านการลงทุนก็อาจกระทบกับตลาดการลงทุนได้บ้าง
ส่วนประเด็นสำคัญเรื่องความตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ในขณะนี้ คือ สหรัฐอเมริกามีการร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G7 เพื่อสกัดกั้นการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกของจีน
เนื่องจากตอนนี้จีนกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งในเรื่องขนาดเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ปริมาณการค้าที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของโลก และเมื่อตลาดเงินตลาดทุนใหญ่ขึ้น บทบาทของเงินหยวนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งจะไปมีผลกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของโลกต่อไป เช่น ระบบชำระเงิน Digital Banking หรือสินทรัพย์ดิจิทัล
พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เหมือนเป็นการต่อสู้ระหว่าง “โลกทุนนิยมจากฝั่งตะวันตก” และ “โลกอำนาจนิยมจากจีน”
เพื่อแย่งชิงการเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ของโลก นั่นเอง
ขณะเดียวกัน จีนเองก็พยายามสร้างสัมพันธ์กับรัสเซียและประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่น ประเทศในกลุ่มแอฟริกา ลาตินอเมริกา และประเทศตามเส้นทางสายไหม
รวมไปถึงการพัฒนาภายในประเทศเองเพื่อให้คนในประเทศหลุดพ้นจากความยากจน
โดยความคาดหวังของจีนในระยะยาว คือ ต้องการให้ประเทศมีฐานะร่ำรวยปานกลาง (Moderately Prosperous Society) สร้างพลังการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ให้คนในประเทศเป็นคนชนชั้นกลาง ส่วนภาคแรงงานจะมีค่าแรงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักให้ประชากรจีนมีกำลังซื้อ มีความมั่งคั่ง กินดีอยู่ดีมากขึ้น และเติบโตได้ในระยะยาว
แล้วตอนนี้ ปัจจัยภายในจีน กำลังเจอความท้าทายใดบ้าง ?
จีนพยายามพัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากแผนพัฒนาฯ ของจีน เช่น
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ จนเกิดปัญหาการเก็งกำไรภาคอสังหาริมทรัพย์
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต Made in China 2025 จนเกิดปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Trade War
จะเห็นได้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มักจะตามมาด้วยปัญหาต่าง ๆ
ทำให้จีน เริ่มมองหาทางเดินใหม่ ๆ ด้วยการลดความสำคัญของตัวเลข GDP สูง ๆ
แต่จะเน้น “ความเป็นสังคมอยู่ดี กินดี ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เข้ามาแทนที่
จึงมีความเป็นไปได้ว่า เส้นทางเดินใหม่ของจีนจะมุ่งไปสู่ 2 กลุ่มหลัก นั่นคือ
- กลุ่มการเติบโตแบบมีคุณภาพ (Quality Growth) เช่น ภาคธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษ และทำให้ประเทศจีนมีคุณภาพที่ดีขึ้น
- กลุ่มเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Economies) เช่น ธุรกิจด้านการบริโภคภายในประเทศ
เราจึงเห็น แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 มียุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน (China’s Dual Circulation)
ที่คงความสำคัญของปัจจัยภายนอก เช่น การค้าส่งออก ไปพร้อมกับปัจจัยภายในประเทศ เช่น อุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ
ดังนั้น ความท้าทายของปัจจัยภายในจีนก็คือ พลังของการบริโภคภายในประเทศ ที่จะมาจากการทำให้ประชากรจีนมีรายได้สูงขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง นั่นเอง
อีกหนึ่งประเด็นก็คือ การเข้ามาควบคุมกิจการเทคโนโลยีของจีน
สาเหตุหลักเป็นเพราะ รัฐบาลจีนต้องการจะเป็นเจ้าของ Big Data ที่อยู่ในมือของธุรกิจภาคเอกชน
จึงทำให้ธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่ที่มี Big Data อย่าง Ant Group ที่ให้บริการการเงินครบวงจร หรือ DiDi แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ที่มีข้อมูลการเดินทางของคนจีนจำนวนมาก จึงถูกรัฐบาลจีนเข้ามาจัดระเบียบอย่างที่ทราบกัน
สรุปแล้ว ช่วงเวลานี้ ควรลงทุนในตลาดจีนอย่างไร ?
ต้องยอมรับว่า การลงทุนในประเทศจีนช่วงนี้ อาจให้ผลตอบแทนได้ดีไม่เท่ากับตลาดอื่น ๆ
แต่ถ้าตาม Seasonal Pattern แล้ว ตลาดหุ้นจีนจะกลับมา Perform อีกครั้งในตอนช่วงท้ายปี
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนมักจะให้น้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของตลาดจีนก็คือ นโยบายของภาครัฐ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาว รวมทั้งจุดเด่นของจีนที่มักจะพูดจริง ทำจริง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งประเทศที่ทำตาม KPI ของตัวเองได้ดี
ดังนั้น หากนักลงทุนเชื่อมั่นในประเทศจีนในภาพระยะยาว
จังหวะที่ตลาดหุ้นจีนลงมามาก ๆ ก็น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเก็บสะสมหุ้นจีนแบบระยะยาวได้
ซึ่งหนึ่งวิธีที่จะลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดจีนตอนนี้ ก็คือการลงทุนแบบ DCA
เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ทำให้นักลงทุนไม่ต้องสนใจภาวะตลาด ณ ตอนนั้น เนื่องจากเป็นการทยอยเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะฝึกให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุนมากขื้น
ส่วน Theme การลงทุนที่น่าสนใจ ควรสอดคล้องกับนโยบาย Dual Circulation Economic
อย่างในกลุ่ม Domestic Play ที่จะได้ประโยชน์จากจำนวนประชากรจีนที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นการเติบโตรอบใหม่ของจีน
เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจกีฬา, ธุรกิจการศึกษา, ธุรกิจเครื่องดื่ม
สรุปได้ว่า ช่วงเวลานี้ หากจะลงทุนระยะยาวในตลาดจีน ก็เป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในบริษัทพื้นฐานดีที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าจริง นั่นเอง
ในส่วนของกองทุนบัวหลวง มีกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเป็นแบบ Dynamic โดยส่วนหนึ่งได้มอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศของกองทุน (Outsourced Fund Manager) ซึ่งในส่วนนี้ก็มีการลงทุนผ่านกองทุน 2 กองทุน คือ กองทุน Allianz China A-Shares และกองทุน Allianz All China Equity และยังมีอีกส่วนที่กองทุนบัวหลวงคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวเอง
นั่นก็หมายความว่า กองทุน B-CHINE-EQ ไม่ได้อิงผลตอบแทนของดัชนีประเทศจีน
แต่ยังมีการลงทุนธุรกิจพื้นฐานดีรายตัวในประเทศจีน ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ นั่นเอง
pboc คือ 在 Facebook 的精選貼文
China’s central bank is ‘quite worried’ about global risks from some digital currencies
ธนาคารกลางจีน กังวลหนัก! กลัวเจ้าอื่น แย่งตลาดดิจิทอลหยวน
By Evelyn Cheng
ธนาคารกลางของจีน “ค่อนข้างกังวล” เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลก จากสกุลเงินดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นจากเอกชน โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า Global Stablecoin
สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ เชื่อมโยงกับมูลค่าคงที่ โดยเฉพาะสกุลเงินที่รัฐบาลสนับสนุน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ และมีความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐและตลาดทุน จะอยู่เบื้องหลัง Cryptocurrencies ที่รู้จักกันดี Bitcoin และ ethereum
“องค์กรบางแห่งที่เรียกว่า Stablecoin โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Global Stablecoin อาจนำความเสี่ยงและความท้าทาย มาสู่ระบบการเงินระหว่างประเทศ และระบบการชำระเงิน ฯลฯ” Fan Yifei รองผู้ว่าการธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ CNBC
“เรายังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ ดังนั้น เราจึงได้ใช้มาตรการบางอย่าง” Fan กล่าว
ทางฝ่ายพัฒนาธุรกิจของธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่ของเมืองปักกิ่ง ได้สั่งให้บริษัทท้องถิ่นปิดตัวลง เนื่องจากข้อกล่าวหาว่าให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี
การเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นจากการเรียกร้องระดับชาติเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เพื่อปราบปรามการทำเหมือง bitcoin และการทำธุรกรรม
ซึ่งได้ส่งผู้ขุดที่ต้องการย้ายการดำเนินงานไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ การขุดเป็นกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานมาก เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม bitcoin ผู้ประกอบการสามารถรับ bitcoin เป็นรางวัลได้
“สกุลเงิน (ดิจิทัล) เหล่านี้ ได้กลายเป็นเครื่องมือเก็งกำไร” Fan กล่าว พร้อมเสริมว่า “อาจมีภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินและความมั่นคงทางสังคมด้วย”
โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า งานของเขาที่ธนาคารกลางรวมถึงสกุลเงินดิจิทัล PBoC กำลังพัฒนาสกุลเงินหยวนจีนในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งได้รับการทดสอบในหลายส่วนของประเทศในปีที่ผ่านมา
จนถึงตอนนี้ ระบบหยวนดิจิทัล มีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน Fan กล่าว
ตรงกันข้ามกับระบบกระจายอำนาจของ bitcoin หยวนดิจิทัลของ PBoC ถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่อการควบคุมธุรกรรมสกุลเงินของ PBoC คือ การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินผ่านมือถือที่เชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารในประเทศจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แอพที่ดำเนินการโดยAnt Group ในเครือ Alibaba และWeChat ของTencentได้กลายเป็นรูปแบบการชำระเงินหลักในประเทศ แทนที่เงินสด
หน่วยงานกำกับดูแลได้ระงับการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนมหาศาลของ Ant อย่างกะทันหันเมื่อปีที่แล้ว และธนาคารกลางได้บังคับให้บริษัท ปรับโครงสร้างเป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงิน
ซึ่งทาง PBoC จะใช้มาตรการแบบเดียวที่ใช้กับ Ant ต่อบริษัทอื่น ๆ ในตลาดบริการการชำระเงิน Fan กล่าว
ความเร็วของการพัฒนาระบบการชำระเงินนั้น “น่าตกใจอย่างยิ่ง” และธนาคารกลางกำลังดำเนินการต่อต้านการผูกขาดและการขยายทุนอย่างไม่เป็นระเบียบ” Fan กล่าว
-------------------------------
สำหรับนักลงทุนที่ สนใจ ข้อมูลการลงทุนเชิงลึก
จากบทวิเคราะห์ระดับโลก รวมหลักแสนต่อปี
สามารถ สมัครเข้าดูได้ที่ห้องเรียนวงในครับ
สนใจ คอมเม้นใต้บทความได้เลย
--------------------------------
แอดปลา
pboc คือ 在 จีนคาด CPI ฟื้นตัวแบบ U-shaped ปีนี้ l ย่อโลกเศรษฐกิจ 21 เม.ย.66 的推薦與評價
ธนาคารกลางจีน ( PBOC ) คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ ... ... <看更多>
pboc คือ 在 เริ่มแล้ว Digital Yuan มาแน่! หน่วยการเงินใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ 的推薦與評價
Digital Yuan (ดิจิทัลหยวน) คือ สกุลเงินหยวนแบบดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (People's Bank of China: PBOC) ... ... <看更多>
pboc คือ 在 เงินหยวน อ่อนค่าลง 0.6% หลัง PBOC ลดสัดส่วนกันสำรองสกุลเงิน ... 的推薦與評價
โดย PBOC ระบุในแถลงการณ์ว่า การปรับลดสัดส่วนการกันสำรองในครั้งนี้ของ PBOC มีเป้าหมายสำคัญคือการรักษาสเถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ... ... <看更多>