J.W. Marriott ผู้ก่อตั้งเชนโรงแรมใหญ่สุดในโลก ที่เริ่มจากร้านขายรูตเบียร์ /โดย ลงทุนแมน
“Marriott” เป็นเชนโรงแรมที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกและมีโรงแรมในเครือกว่า 30 แบรนด์
แต่รู้หรือไม่ว่าอาณาจักร Marriott ที่ก่อตั้งโดยคุณ J.W. Marriott ไม่ได้เริ่มต้นจากธุรกิจโรงแรม แต่เขากลับมีจุดเริ่มต้นมาจากร้านขายรูตเบียร์ A&W
จากร้านขายรูตเบียร์มาเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก
Marriott ผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เชนโรงแรมขนาดใหญ่ ที่มีโรงแรมอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก จะมีชื่อที่เราคุ้นเคย เช่น Marriott, Hilton, InterContinental และ Hyatt
ซึ่ง Marriott ถือได้ว่าเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก ทั้งในด้านมูลค่าตลาดที่มากที่สุดราว 1.46 ล้านล้านบาท รวมถึงในด้านจำนวนห้องพัก ที่ Marriott มีให้บริการราว 1.4 ล้านห้องพัก ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
Marriott มีโรงแรมในเครือกว่า 30 แบรนด์ ซึ่งก็เป็นแบรนด์ดังที่คนส่วนใหญ่คุ้นหู อย่างเช่น JW Marriott, St. Regis, The Ritz-Carlton, Sheraton และ Renaissance
โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักร Marriott คือคุณ John Willard Marriott หรือ “J.W. Marriott”
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ธุรกิจดั้งเดิมที่เขาเริ่มต้นขึ้นไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม
คุณ John เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1900 ที่รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่ทำฟาร์มแกะเล็ก ๆ ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน
เขาเริ่มค้าขายตั้งแต่อายุ 13 ปี จากการปลูกผักกาดในแปลงที่ดินที่ว่างอยู่ และเขานำเงินรายได้ที่ได้ไปให้พ่อ
จากความสำเร็จในการขายผัก พ่อของ John เลยไว้ใจให้ลูกชายพาแกะ 3,000 ตัว ขึ้นรถไฟไปขายที่เมืองซานฟรานซิสโกด้วยตัวคนเดียวในวัยเพียง 14 ปี ก่อนที่จะถูกขอให้เลิกเรียนเพื่อมาช่วยงานที่บ้านในเวลาต่อมา
เมื่อ John อายุ 19 ปี เขาก็ต้องเดินทางไปเป็นมิชชันนารีที่โบสถ์แห่งหนึ่งในนิวอิงแลนด์เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาบ้านที่เมืองยูทาห์
ระหว่างทางกลับ เขาได้แวะที่เมืองวอร์ชิงตัน ดี.ซี. และเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งคนต่อคิวยาวมาก นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ John ได้รับรู้ถึงความนิยมของเครื่องดื่มที่เรียกว่า “รูตเบียร์”
แต่พอกลับมาถึงบ้าน John ก็ต้องเผชิญกับข่าวร้ายเพราะว่าธุรกิจฟาร์มแกะของพ่อเขาล้มละลาย
โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาแกะที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจตกต่ำ
ตั้งแต่นั้นมา John จึงตั้งเป้าว่าเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจนนี้ให้ได้
เขาเลยตัดสินใจกลับไปเรียนต่อให้ได้วุฒิมัธยมศึกษา โดยได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่เคยสอนเขา
ซึ่งอาจารย์ท่านนี้ ยังช่วยให้ John รับหน้าที่สอนวิชาที่เกี่ยวกับศาสนา เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอม
หลังจากนั้น John ก็ได้เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ยูทาห์ ซึ่งเขาต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมจากทุกวิถีทาง ตั้งแต่ขายกางเกงชั้นใน ขนสัตว์ ไปจนถึงการเป็นช่างตัดไม้
จนกระทั่งในช่วงที่เรียนปีสุดท้าย แถวมหาวิทยาลัยของเขาก็มีร้านรูตเบียร์ A&W มาเปิด
ซึ่งคิวยังคงยาว เหมือนกับตอนที่เขาเห็นครั้งแรกที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี.
หลังจากเรียนจบในปี ค.ศ. 1926 John แต่งงานกับ Alice Sheets สาวที่เขาตกหลุมรักและคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งคู่วางแผนที่จะเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน และสิ่งแรกที่ John นึกถึงก็คือเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างรูตเบียร์
John ใช้เงินเก็บ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ บวกกันเงินที่กู้ยืมมาอีก 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นมูลค่าราว 83,000 บาท เพื่อขอซื้อแฟรนไชส์รูตเบียร์ของ A&W
ผ่านไป 1 ปี เขาก็ได้เปิดร้านขายรูตเบียร์เล็ก ๆ ที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งแน่นอนว่าขายดีแบบที่เขาคิดไว้
แต่สิ่งที่เขาลืมคิดถึงไปก็คือ รูตเบียร์ไม่ได้ขายดีทุกฤดู เพราะพอเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย และอากาศเริ่มเย็นลง เครื่องดื่มเย็นสดชื่นอย่างรูตเบียร์กลับไม่เป็นที่ต้องการ ยอดขายของทางร้านจึงลดลงเรื่อย ๆ
Alice ภรรยาของเขาเลยเสนอไอเดียว่าควรขายอาหารด้วย เพื่อให้ยอดขายที่ร้านไม่ผันผวนตามฤดูกาลเกินไป
John เห็นด้วยทันที เขาจึงขออนุญาตทาง A&W เพื่อขอเสิร์ฟอาหารที่ร้านด้วย ส่วน Alice ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเชฟที่สถานทูตเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับร้าน จนได้สูตรและวิธีทำอาหารเม็กซิกันมา
ทั้งคู่จึงตั้งชื่อร้านของพวกเขาใหม่ว่า “Hot Shoppes” ซึ่งเป็นร้านขายอาหารเม็กซิกัน แฮมเบอร์เกอร์ และฮอตดอก รวมถึงรูตเบียร์ของ A&W
ผ่านไปปีเดียว Hot Shoppes เปิดเพิ่มได้อีก 2 สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นร้านแบบ Drive-in หรือการขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของร้าน แล้วสั่งอาหารมาทานบนรถ ที่กำลังได้รับความนิยมสุด ๆ ในสหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศสหรัฐอเมริกากลับเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ John และ Alice ก็ยังพา Hot Shoppes รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้มาได้ แถมยังขยายสาขาเพิ่มมาเป็น 7 สาขาในปี ค.ศ. 1933
แต่ในปีเดียวกันนี้ John ก็ต้องเจอกับข่าวร้าย เพราะเขาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งหมอบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี
John จึงหยุดทำงาน และใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว แต่แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อที่แม้แต่หมอก็ยังแปลกใจ เพราะอาการของเขาดีขึ้นมาก จนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
หลังจากรักษาตัวจนหายดีและกลับมาทำงานได้แล้ว ในปี ค.ศ. 1937 ซึ่งเป็นช่วงที่การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นที่นิยม John สังเกตว่าลูกค้ามักซื้ออาหารแบบนำกลับบ้านที่ร้าน Hot Shoppes สาขาใกล้สนามบิน เพื่อนำไปทานบนเครื่องบิน
John เลยเกิดไอเดียว่า ให้ Hot Shoppes ทำอาหารกล่องให้กับสายการบินใช้เสิร์ฟบนเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นเจ้าแรก ๆ ในขณะนั้น
เมื่อเขานำไอเดียนี้ไปเสนอกับทางสายการบินต่าง ๆ ก็มีสายการบิน Eastern Airlines และ American Airlines ที่ตอบตกลง
มาถึงช่วงต้นทศวรรษ 1940s ร้าน Hot Shoppes ขยายมาเป็น 24 สาขา ซึ่งช่วงนี้เองสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ Hot Shoppes ก็ยังรอดพ้นจากวิกฤติได้อีกครั้งจากการปรับตัวไปให้บริการอาหารในฐานทัพทหารและสำนักงานรัฐบาล
จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1950s การเดินทางท่องเที่ยวกำลังได้รับความนิยมสูง John เลยสนใจซื้อที่ดินเปล่าที่อยู่ตรงข้ามสนามบินวอชิงตัน เพื่อสร้างโมเทลที่ชื่อว่า “Twin Bridges” ซึ่งเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1957 ก่อนที่ 2 ปีให้หลัง ได้สร้างโรงแรมแห่งที่ 2 ที่ชื่อ Key Bridge Motor
และในที่สุด กิจการโรงแรมของ John Willard Marriott ก็ได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากเปิดร้านรูตเบียร์มาได้ 30 ปี
ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 John ตั้งชื่อบริษัทของเขาใหม่ว่า “Marriott” ซึ่งใช้เรียกรวมทุกกิจการในเครือ ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร
ในช่วงเริ่มต้นของกิจการโรงแรม ก็ได้ลูกชายคนโตของ John กับ Alice ที่ชื่อว่า “J.W. Bill Marriott Jr.” เข้ามาช่วยบริหาร
Bill เรียนด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ โดยภายใต้การบริหารของเขา บริษัทสามารถทำกำไรได้มากขึ้นอย่างชัดเจน จน Bill กลายมาเป็นบุคคลสำคัญที่ได้วางรากฐานธุรกิจและขยายอาณาจักร Marriott
ด้วยผลงานที่โดดเด่นของ Bill จึงทำให้เขาได้รับเลือกเป็นประธานบริษัทในปี ค.ศ. 1964 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็น CEO ในอีก 8 ปีต่อมา
Bill เน้นขยายโรงแรมใกล้สนามบิน และโรงแรมเพื่อการประชุมหรือ Convention โดยสร้างจุดเด่นให้กับโรงแรมของ Marriott ที่มีทั้งห้องจัดประชุมสัมมนา ภัตตาคาร ไปจนถึงลานสเกตน้ำแข็ง
นอกจากนี้ Bill ยังเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ จากการเป็นเจ้าของโรงแรมเอง สู่การรับบริหารโรงแรม และระบบแฟรนไชส์
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ. 1993 บริษัท Marriott แบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 2 บริษัท
บริษัทแรกชื่อ Marriott International ที่จัดการในส่วนของธุรกิจรับบริหารโรงแรมและระบบแฟรนไชส์ ซึ่งดูแลโดยลูกชายคนโต นั่นก็คือ Bill
บริษัทที่สองชื่อ Host Hotels and Resorts ที่จัดการในส่วนของธุรกิจโรงแรมที่ Marriott เป็นเจ้าของเอง ซึ่งดูแลโดยน้องชายของ Bill ที่ชื่อ Richard
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่ช่วยเร่งขยายฐานลูกค้าให้ Marriott ก็คือการเป็นบริษัทโรงแรมแรกของโลก ที่ให้บริการระบบจองที่พักแบบออนไลน์ ในปี ค.ศ. 1995
และกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Marriott ขยายอาณาจักรโรงแรมได้อย่างรวดเร็วก็คือ “การควบรวมกิจการ”
ปี ค.ศ. 1995 Marriott เริ่มซื้อกิจการครั้งแรก ด้วยการเข้าไปถือหุ้น 49% ในโรงแรม Ritz-Carlton ก่อนที่อีกไม่กี่ปีต่อมาจะเข้าซื้อทั้งกิจการ
แต่การซื้อกิจการที่สำคัญที่สุด เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2016 ภายใต้การนำของ CEO ที่เป็นคนนอกตระกูลคนแรกอย่าง Arne Sorenson
Marriott ได้เข้าซื้อกิจการ Starwood Hotels and Resorts ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรมดังมากมาย อย่างเช่น Sheraton, W Hotels และ St. Regis
และในตอนนี้เองที่ Marriott ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก
น่าเสียดายที่ John เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร Marriott ในปัจจุบัน ที่เขาเป็นผู้ริเริ่ม
แต่สิ่งสำคัญที่ตกทอดมาจาก John จนกลายเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของ Marriott ก็คือวัฒนธรรมองค์กร
เพราะ John ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนและดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว มาตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มทำธุรกิจ
เหมือนกับหนึ่งในคำพูดอมตะของเขาที่ว่า
“Take care of associates, and they’ll take care of your customers”
หรือ ดูแลพนักงานของคุณให้ดี แล้วพนักงานเหล่านั้นจะดูแลลูกค้าของคุณต่อเอง
นั่นจึงทำให้ Marriott ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในโรงแรมที่น่าเข้าพักมากที่สุดเท่านั้น
แต่ในมุมของสถานที่ทำงาน Marriott ยังติดอันดับโลกในด้านบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.cnbc.com/2021/08/10/how-marriott-became-the-worlds-biggest-hotel-chain.html
-https://www.washingtonpost.com/archive/politics/1985/08/14/hotel-magnate-jw-marriott-dies-at-age-84/d8cfeda2-6a83-40fc-8126-310233d114f0/
-https://www.entrepreneur.com/article/197668
-https://edition.cnn.com/2012/04/12/business/marriott-hotel-industry/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Marriott_International
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_chained-brand_hotels
-https://companiesmarketcap.com/hotels/largest-hotel-companies-by-market-cap/
-https://careers.marriott.com/20-years-fortune-100-list/
-https://www.marriott.com/culture-and-values/j-willard-marriott.mi
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過304萬的網紅MosoGourmet 妄想グルメ,也在其Youtube影片中提到,最近よく見かけるラスポテト、みたいなの作ってみました。 https://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%83%A9%E3%82%B9%E3%83%9D%E3%83%86%E3%83%88 *レシピ* 1.ボウルに熱湯 210g、牛乳 120gを入れる。 2.『北海道じゃがマッシュ...
hot 100 wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จัก รถยนต์ไฟฟ้า 140,000 บาทในจีน ที่ทำยอดขายแซงหน้า Tesla /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าเวลานี้ คนส่วนใหญ่คงต้องนึกถึง Tesla
ซึ่งเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในโลก
แต่รู้ไหมว่า ในประเทศจีน
รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงขณะนี้ กลับไม่ใช่ Tesla
แต่เป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า “Wuling HongGuang Mini EV”
ทำไมชาวจีนถึงถูกใจรถรุ่นนี้ และบริษัทไหนเป็นผู้ผลิต ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ประเทศจีน ถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในโลก
โดยปี 2020 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1.3 ล้านคัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เข้ามาแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด
ไม่ว่าจะเป็น บริษัทระดับโลกอย่าง Tesla
หรือค่ายจีนเอง อย่างเช่น BYD, NIO, XPeng
เราลองมาดูกันว่าปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหน ขายดีสุดในจีน
ปี 2020
อันดับ 1 Tesla Model 3 ยอดขาย 139,925 คัน
อันดับ 2 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 119,255 คัน
อันดับ 3 Baojun E-Series ยอดขาย 47,704 คัน
ปี 2021 (เดือนมกราคม-เมษายน)
อันดับ 1 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 125,925 คัน
อันดับ 2 Tesla Model 3 ยอดขาย 59,122 คัน
อันดับ 3 BYD Han EV ยอดขาย 27,100 คัน
จะเห็นได้ว่า Tesla Model 3 นั้นเคยเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
แต่ล่าสุด ได้ถูก “Wuling HongGuang Mini EV” ทำยอดขายแซงหน้าไปกว่าเท่าตัวในช่วงต้นปีนี้
ที่น่าสนใจคือ รถ Wuling HongGuang Mini EV เพิ่งจะเปิดตัว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 หรือแค่เพียง 11 เดือนที่แล้ว เท่านั้นเอง
โดยผู้ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ คือ บริษัท “SGMW” ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง
- SAIC Motor บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน ถือหุ้น 50.1%
- General Motors บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถือหุ้น 44.0%
- Wuling Motors บริษัทเอกชนจีน ถือหุ้น 5.9%
SGMW เป็นค่ายที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ประเภทมินิแวน หรือรถขนาดเล็ก
ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อบุกตลาดจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นั่นคือ Wuling HongGuang Mini EV รถยนต์ไฟฟ้า 2 ประตู 4 ที่นั่ง
ที่สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
แต่พอเห็นข้อมูลเช่นนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า
รถที่สมรรถนะ ดูไม่ได้พิเศษไปกว่ารุ่นทั่วไปในตลาด
ทำไมถึงได้รับความนิยมจากชาวจีน ?
เหตุผลข้อแรก คือ ราคาขายที่ “ถูกมาก”
SGMW ตั้งราคารถ Wuling HongGuang Mini EV ในจีน เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ Tesla Model 3 ที่มีราคาขายในจีน เริ่มต้นคันละ 1.2 ล้านบาท
เท่ากับว่าราคาเริ่มต้นของ Wuling HongGuang Mini EV
คิดเป็นแค่ 0.1 เท่า ของราคาเริ่มต้นรถ Tesla เท่านั้น
แต่ก็คงต้องบอกว่า รถทั้งสองรุ่นนี้ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เพราะ Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตู 5 ที่นั่ง
ซึ่งสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
รวมทั้งมีเทคโนโลยีล้ำสมัยอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนจีนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะอาศัยในตัวเมือง และเดินทางไปมาใกล้ ๆ
จึงทำให้ Wuling HongGuang Mini EV ที่สมรรถนะเพียงพอต่อการขับในเมือง และราคาถูกแค่หลักแสนบาท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
เหตุผลข้อต่อมา คือ ลูกค้าสามารถตกแต่งลวดลายตัวรถได้เอง
โดย Wuling HongGuang Mini EV จะมีสีรถอยู่ 20 สี
และให้ลูกค้าเลือก “สติกเกอร์” มาแต่งรถได้ตามความชอบส่วนตัว
ซึ่งสติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูง คือ แครักเตอร์การ์ตูน เช่น เฮลโลคิตตี้, โดราเอมอน, โปเกมอน รวมไปถึงโลโกทีมกีฬาต่าง ๆ
ทำให้ลูกค้าได้ซื้อรถที่แสดงถึงความเป็นตัวตน โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มักจะชื่นชอบรถคันเล็กลวดลายน่ารัก
ส่งผลให้ฐานลูกค้าของรถ Wuling HongGuang Mini EV เป็นผู้หญิงถึง 2 ใน 3 ของยอดขาย
ซึ่งยอดขายที่ครองอันดับ 1 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ก็ทำให้ผลประกอบการของ SGMW โตระเบิด
ไตรมาสที่ 1 ปี 2020 รายได้ 133,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้ 308,000 ล้านบาท
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 1.2 ล้านคัน
ซึ่งเกือบเท่ากับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของทุกค่ายในประเทศจีน เมื่อปี 2020 เลยทีเดียว
นอกจากนั้น บริษัทยังได้วางแผนขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปยุโรป ที่ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และมีโครงสร้างพื้นฐานแท่นชาร์จไฟฟ้ารองรับ
ทำให้ในอนาคต SGMW อาจก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก กับ Tesla และค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ก็เป็นได้
และถ้ามองกลับมาที่ประเทศไทย
ถึงแม้ราคานำเข้ารวมภาษีของรถ Wuling HongGuang Mini EV อาจสูงกว่าที่ขายในจีน
แต่มันก็คงเป็นตัวเลือกที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ราคาไม่แพง เช่น รถขนาดเล็ก หรือมอเตอร์ไซค์ ได้ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม นอกจากราคาแล้ว อีกปัจจัยที่จะสนับสนุนให้คนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
คงจะเป็นความพร้อมและความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าตามสถานที่ต่าง ๆ
ก็น่าติดตามต่อไปว่า
แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทุกวันนี้
ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ต่างแข่งขันกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือทำให้ราคาเข้าถึงผู้บริโภคได้
ซึ่งสุดท้าย คนที่ได้ประโยชน์มากสุดจากเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้น “ผู้บริโภค”
ที่จะมีทางเลือกในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-06-04/china-s-top-ev-maker-stakes-its-future-on-a-4-500-mini-car
-https://www.cnbc.com/2021/03/28/wulings-tiny-electric-hatchback-photos.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/SAIC-GM-Wuling
-https://www.ev-volumes.com/
-https://cleantechnica.com/2021/01/24/china-9-4-plugin-vehicle-share-in-another-record-month/
-https://cleantechnica.com/2021/05/26/10-plugin-vehicle-share-in-china/
-https://cleantechnica.com/2021/05/01/tesla-siblings-wuling-mini-ev-shine-in-hot-ev-market-global-ev-sales-report/
hot 100 wiki 在 MosoGourmet 妄想グルメ Youtube 的最讚貼文
最近よく見かけるラスポテト、みたいなの作ってみました。
https://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%83%A9%E3%82%B9%E3%83%9D%E3%83%86%E3%83%88
*レシピ*
1.ボウルに熱湯 210g、牛乳 120gを入れる。
2.『北海道じゃがマッシュプレーン』70gをふり入れ混ぜる。
3.片栗粉 10g、粉チーズ 10g、塩 2g、溶き卵 1個を入れ混ぜる。
4.絞り袋に入れ、オーブンシートの上に絞り出す。
5.冷凍する。(冷凍せずに揚げ油に直接絞り出しても大丈夫です)
6.180度の油で揚げる。少し、色が濃くつくくらいに揚げるとカリッとしておいしい。
7.できあがり。ケチャップつけてもおいしい。
We tried to make something like raspatat, similar to what's been on TV lately.
https://en.wikipedia.org/wiki/%E3%83%A9%E3%82%B9%E3%83%9D%E3%83%86%E3%83%88
*Recipe*
1. Place 210g of hot water and 120g of milk in a bowl.
2. Mix in 70g of "Hokkaido plain mashed potatoes" and combine.
3. Mix in 10g of potato starch powder, 10g of powdered cheese, 2g of salt and 1 beaten egg.
4. Put it in a piping bag and squeeze it out onto the oven sheet.
5. Freeze it. (It is okay to squeeze directly into the oil without freezing also.)
6. Fry in oil at 180 (356 f) degrees. They are delicious and crispy when fried until a deep golden brown.
7. Finished. They go great with ketchup too.
#diy #ラスポテト #作り方 #raspatat #longfries #potato #Recipe #ASMR #oddlysatisfying #relaxing #soothing #therapeutic #Japan #音フェチ #ポテト #フライ #揚げ物
hot 100 wiki 在 List of Billboard Hot 100 chart achievements and milestones 的相關結果
Quite the same Wikipedia. ... From Wikipedia, the free encyclopedia ... Prior to the creation of the Hot 100, Billboard published four singles charts: "Best ... ... <看更多>
hot 100 wiki 在 List of Billboard Hot 100 chart achievements and milestones 的相關結果
The Billboard Hot 100 began with the issue dated August 4, 1958, and is currently the standard popular music chart ... From Wikipedia, the free encyclopedia. ... <看更多>
hot 100 wiki 在 Billboard Hot 100 - Wikipedia 的相關結果
The Billboard Hot 100 is the music industry standard record chart in the United States for songs, published weekly by Billboard magazine. ... <看更多>