🔥 "เช็คลิสต์กันหน่อย !! กับ สกิลของสายไอที ที่ไม่ได้มีแค่เขียนโค้ด เรามี หรือ ขาดตัวไหนกันบ้างงงงง !!"
.
จากหลายร้อย หลายพันโพสต์ที่เราพูดถึง "Skill" ด้านไอทีไปกันแล้ว วันนี้แอดจะมาแนะนำทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นของสายเรากันบ้างดีกว่า
.
โดยทักษะพวกนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกครึ่งนึงของการทำงานในชีวิตจริงเลยก็ได้
.
⚡ "เพราะทุกองค์กร อยากได้คนเก่งกันทั้งนั้นแหละ แต่เก่งแล้วเข้ากับองค์กร คนอื่น หรือ ไม่มีสกิลพวกนี้ ก็ยากที่พวกเขาจะรับนั่นเอง !!"
.
ดังนั้นในวันจันทร์แบบนี้ มาเริ่มดูกันทีละตัวเลยดีกว่า ไป !
.
✅ 1.Communication หรือ การสื่อสารนั่นเอง เพราะสายเราเนี้ย บอกเลย วัน ๆ อยู่แต่กับคอม ( รวมทั้งเกม หรือ บางคนก็ Anime 555) โอกาสพูดคุย บรรยายให้คนอื่นเข้าใจมันก็น้อยมาก ๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
.
แถม User ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ใช่คนสายเราซะอีก ดังนั้นแอดว่า ลองหัดเรียนรู้โดยการคุยกับคนอื่นเยอะ ๆ อธิบายในสิ่งที่เราต้องการสื่อออกมา และ เข้าใจในสารที่เขาส่งให้เราจได้จะดีมาก ๆ
.
✅ 2. Empathy แน่นอนว่าหลายครั้งเราก็หงุดหงิด เพราะ งานสไตล์พวกเรานี้มักจะอยู่กับ
.
"ดูตัวเลขว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ ?"
.
"Performance ดีพอไหม ?" 🚀
.
หรือ "เวลามี Error อะไรก็มักจะแจ้งมาเสมอ ๆ"
.
ทำให้หลายอย่างเราเข้าใจไปว่า มันมีแค่ผ่าน กับ ไม่ผ่านเท่านั้น หรือ เรามักจะพยายามคิดไปเสมอว่าทุกวิธีมันมีทางที่เราจะแก้ได้ในแบบของเรา
.
แต่ "ไอตรงวิธีแก้ ถ้าเป็นเรื่องมนุษย์สัมพันธ์มันอาจจะส่งผลให้ความรู้สึกของคนอื่นมันเสียไปด้วยนี่แหละสิ"
.
ดังนั้น คำโบราณที่ว่าไว้ก็ไม่ผิดเท่าไหร่ นั่นก็คือ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" หรือ ภาษาอังกฤษ ที่บอกว่า "if i were you, ..." <3
.
ลองดูว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น หรือ ตัดสินใจแบบนั้น แล้วถ้าเป็นเรา เราจะทำแบบเขาไหม กันดูเมื่อเวลาจะทำ พูดอะไรกับใคร หรือ ได้ยินใคร ทำ อะไรกับเรามาก็ได้เช่นกัน
.
✅ 3. Creative ลองไม่ยึดติดกับปัญหาปัจจุบัน แล้วลองหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขดูก็ไม่แปลก !!
.
ถ้าพูดสไตล์นี้แล้วนึกไม่ออก ลองนึกถึงนมข้นหวานดูฮะ
.
ปกติแล้ว แต่ก่อน ย้อนไปซัก 10 ปีที่แล้วก็ได้ การที่เราจะกินนมข้นหวานได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก เพราะต้องเจาะกระป๋อง หลาย ๆ รู แล้วก็เทออกมา
.
ไม่ใช่แค่นั้น เวลาจะเก็บก็เลอะไปหมดอีก ถ้าเก็บเฉย ๆ ก็บูดง่ายอีกต้องหากล่องอะไรมาใส่ หรือ บางบ้านเลือกเทใส่ขวดบีบไว้เลย
.
ซึ่งเราจะพบปัญหาจุกจิกอยู่เต็มกระบวนการ เพราะเหมือน นมข้นหวานกระป๋องจะออกแบบมาเหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามากกว่า เวลาหยิบเทก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนัก ขายไม่กี่วันก็หมดกระป๋อง 🤣
.
แต่ถ้าเรามองในมุมมองที่ต่างออกไปจะพบว่า "เอ่อ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการกระป๋องนมข้นหวาน หรือ คนทั่วไปที่กินไม่ต้องการปริมาณนมเยอะขนาดนั้นก็ได้นี่น่า จนสุดท้ายกลายเป็นรูปแบบขวดบีบที่ขายกันตามร้านสะดวกซื้อนั่นแหละจ้า"
.
หรือ เอาจริง ๆ แล้วถ้าสายไอทีแบบเรา ๆ การโฟกัสว่า "ระบบจะต้องเป็น Digital เพื่อเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าของเราได้"
.
เปลี่ยนไปเป็นโฟกัสแค่ "ทำยังไงถึงจะเพิ่มยอดขายให้ร้านเราได้ ?" ก็พอ
.
แล้วเราอาจพบว่า บางทีแค่เปิดร้านไวขึ้น ก็ทำให้เป้าหมายเราสำเร็จได้แล้วก็เป็นได้ !!
.
✅ 4.Reading & Listen อ่านเถอะครับ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หนังสือ หรือ Podcast เลือกเล่มดี ๆ แล้วหาอ่านให้จบ เพราะบางครั้งหนังสือดี ๆ หนึ่งเล่มมันเปลี่ยนชีวิตเราได้เลยนะ ! อันนี้ไม่ได้โม้ !!
.
✅ 5. Growth Mindset ส่วนนี้สำคัญมากกกก เพราะต่อให้ทำ 1 - 4 แต่ไม่มีอันนี้ทุกอย่างจบ คิดเสมอทุกครั้งว่า "เรายังสามารถทำได้ดีกว่านี้เสมอ"
.
สกิลนี้สามารถทำได้ เริ่มได้หลายแบบนะ ! ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสตัวเองให้เจอกับคนที่เก่ง ๆ / ลองเข้าคลาสอบรมเพื่อหา Connection หรือ จนถึงการทดสอบตัวเองอยู่เสมอก็ทำได้เช่นกัน 👾
.
"เพราะถ้าเราไม่มีแนวคิดแบบนี้ ไม่ต้องไปถึงสนามแข่งขันที่ไหน เริ่มที่ใจก็อาจจะแพ้แล้วก็ได้ !!"
.
✅ 6. Management ทักษะนี้หลายคนอาจงงว่า อ้าวพี่ ผมเพิ่งมาเป็น Junior ยังไม่ได้เป็นผู้จัดการเลย แล้วจะจัดการอะไร ?
.
คำตอบก็คือ ถ้าเรายังเป็นกีกี้อยู่ แอดแนะนำให้เริ่มจากจัดการตัวเองนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นเวลา ค่าใช้จ่ายแต่ละวัน การเงิน การลงทุนต่าง ๆ ก็ทำได้
.
แต่ถ้าเรามีทีม เราก็สามารถฝึกทักษะนี้เพื่อให้เปร่งประกายออกมาได้เหมือนกัน <3
.
✅ 7. Collaboration ถ้าไม่สำคัญก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ววว เพราะต่อให้เราเป็น Dev คนเดียวในบริษัทเราก็จะต้องโคงานกับคนอื่นอยู่ดี กุญแจของเรื่องนี้คือ "ทำยังไงให้เรา (ทีมงานของเรา) ทำงานร่วมกับฝ่ายอื่น ๆ ได้ง่ายนั่นเอง"
.
ถ้าเราเป็นคนที่มักจะอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ Manager, SA หรือ PO ส่วนนี้สำคัญจัด ๆ เพราะจะช่วยให้ลูกทีมของเราเบาภาระมากยิ่งขึ้นนั่นเองจ้า 🏆
.
ทั้งหมดนี้ก็คือสาย Soft Skills ที่ไม่ได้มีแค่ Software ที่เราควรรู้จ้า :D ถ้าใครมี Soft Skills เจ๋ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในนี้ หรือ ประสบการณ์โดยตรงมาแชร์กันได้เลยนะ :D
.
#borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
「แต่ก่อน ภาษาอังกฤษ」的推薦目錄:
แต่ก่อน ภาษาอังกฤษ 在 พ่อบ้านเยอรมัน Facebook 的最佳貼文
มหาอำนาจและภาษา?
พ่อบ้านมาลองนั่ง คิดๆดูแล้ว ว่าตั้งแต่เกิดมา จะได้ยินมาโดยตลอดว่าภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสำคัญที่ควรจะปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และจะได้ยินเสมอว่า
ภาษาอังกฤษคือภาษาสากล?
และ อะไร คือเหตุผลที่ทำให้คิดเช่นนั้น?
ทำไม? ทำไมน๊าาาา? แล้วทำไมไม่เป็นภาษาไทยบ้าง?
แต่ก่อน พ่อบ้านเคยเชื่อว่า ภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสารทั่วโลก แต่จากการได้เดินทาง พบปะผู้คน ไปในที่ต่างๆ แล้วพ่อบ้าน พบว่า
จริงๆ โลกของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น หากถ้าคุณต้องการทำธุรกิจใน ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลี จีน ฝรั่งเศส คุณคิดว่า คุณได้
"ภาษาอังกฤษอย่างเดียวจะรอดหรือไม่?"
และนอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้ มีความต้องการแพร่ขยายภาษาของประเทศตัวเอง ให้กับประเทศอื่นๆ ใช้ อีกด้วย ยกตัวอย่าง ถ้าเราเดินทางไป เยอรมัน จีน เกาหลี เราจะเห็นได้ว่า เค้าแทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลยทั้งๆ ที่ภาษาบางคนนี่ ภาษาดีเทียบเท่า Native เลยนะ เรียกได้ว่า ถาม อังกฤษไป ตูเว่าจีน เว่าเยอรมันกลับอ่ะ โอเคป่ะ!!! เรียกว่า แทบจะไม่พูดภาษาของชาติอื่นเลย มีความเป็นชาตินิยมสุดๆ
เอ้าลองมาคิดกันดูเล่นๆ ว่า ทำไมเค้าไม่ใช้ภาษาอังกฤษแต่หลายประเทศจัดว่าเป็นประเทศมหาอำนาจได้หล่ะ?
1. เยอรมัน : หนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีงบประมาณประเทศเกินดุล(ได้กำไรมากที่สุดในโลก) ด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ทางวิศวกรรมและทางการแพทย์ จึงไม่แปลกที่จะดึงดูดให้คนจากประเทศอื่นๆ ที่ต้องการได้รับความรู้นั้นแห่กันเรียนภาษาเยอรมันกันยกใหญ่
ที่สำคัญคือประเทศนี้เพิ่งได้รับการจัดอันดับทางภาษาไปว่า เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่!!! จากประสบการณ์ที่พ่อบ้านเจอคือ
ตูไม่ใช้อ่ะ จะทำไม?
ซึ่งถ้าเกิดมาที่เยอรมัน คุณจะสังเกตุได้ว่าป้ายบอกทาง สถานที่ต่างๆ หรือหนังสือภาษาอังกฤษจะหาได้ยากมากนะ รวมไปถึงกับการทำงาน ถ้าคุณได้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ยังถือว่าไม่ผ่านๆ Guten Morgen
2. จีน : ปัจจุบันเรียกได้ว่า แทบจะเป็น ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งในแง่ของการผลิต การค้าขาย ลองคิดเล่นๆว่า ถ้าคุณขายของขอแค่กำไร คนละบาทจากคนจีน วันๆนึง คุณจะได้เงิน มหาศาลแค่ไหน?
ยังไม่นับกับปัจจุบันคนจีนสมัยใหม่กำลังจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งมาเต็มกับการเปิดรับเทคโนโลยี เพราะในอนาคตไม่อยากจะผลิตของ Copy เท่าไหร่ อยากผลิตของ Luxury มากขึ้น
พร้อมกับได้รับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน จากรัฐบาลขนานใหญ่ นี่แค่สาเหตุเบื้องต้นที่ทำไมทำให้คนแห่ไปเรียนภาษาจีน ไม่เว้นแม้แต่คนเยอรมันหรืออเมริกา
"เลยนะจะบอกให้"
ทำให้พ่อบ้านไม่ต้องให้บรรยายมาก เพราะขนาดคนไทยยังแห่ส่งลูกหลานไปเรียนจีนเลยจะบอกให้
3. ญี่ปุ่น : นี่ตัวดีเลยประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านของชาตินิยมและความรักในวัฒนธรรมของตัวเองสูงมาก แต่ในทางกลับกัน ก็มีความเปิดกว้างในระดับนึง โดยดูได้จาก โอลิมปิกที่ใช้การ์ตูนเป็นสัญลักษณ์ และเรื่องของอื่นๆ อีก โดยบอกได้ว่าประเทศนี้มีดีค่อนข้างมาก เพราะถือว่าเป็นคู่แข่งด้านเทคโนโลยีหลักๆ อีกประเทศนึงของเยอรมัน มีนวัตกรรม ที่เป็นของประเทศตัวเองมากมาย จนทำให้ประเทศที่ถ้ามองในแผนที่ ก็อาจจะมองว่าเป็นเกาะเล็กๆแต่ว่าดึงดูด
ให้คนจากทั่วโลกไปเที่ยว ไปทำงาน และต้องการทำธุรกิจร่วมด้วย แล้วก็ก็อีกเช่นกัน ป้าย และสัญลักษณ์ต่างๆ ในประเทศ แทบจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น (ก็ไม่เปลี่ยนอ่ะจะทำไม?)
เป็นประเทศที่ประชาชนพูดอังกฤษได้ปานกลางแถมสำเนียงฟังค่อนข้างยากอีกต่างหาก แต่อย่าลืมว่า ด้วยอำนาจต่างๆ ที่บอกไป ไม่ว่าจะเป็น Dragonball Doraemon Toyota Honda AV เอ้ย!!! เอาเป็นว่าอยากค้าขายกับเค้า จะให้ดีเราก็ไปหัดพูดญี่ปุ่นมาจะดีกว่านะจ๊ะ คอนนิจิวะ
4. เกาหลีใต้ : ตัวดีเลยยย ตัวแสบมากกก โตไวมากกกก เป็นชาติน้องใหม่ ที่บาดเจ็บอย่างมากจากสงคราม นอกจากจะทำให้ประเทศของตัวเองแตกเป็น 2 ชัดเจน ซึ่งถ้าให้พูด เมื่อก่อนนี่เป็นประเทศที่ถือว่าค่อนข้างจนเลยนะ ไม่ค่อยมีวัฒนธรรมอะไรชัดเจน แถมไม่ค่อยมีอำนาจต่อรองอะไรมากมาย แต่ในช่วง 30-40ปี มานี้
"เฮ้ย!!! เค้าพลิกประเทศได้"
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางเทคโนโลยี ที่แซงล้ำหน้าประเทศยักษ์ใหญ่ในหลายๆประเทศ สามารถสร้างและฟื้นฟูวัฒนธรรมของตัวเองและแถมส่งออกไปได้ทั่วโลกผ่านทางธุรกิจบันเทิง ทำให้คนติดงอมแงมทั่วโลก พ่อบ้านยังดู Series และยังฟังเพลงเกาหลีเลย 555 และแน่นอน เรื่องภาษาอังกฤษนางก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นะ แถมป้ายต่างๆในประเทศก็ไม่มีหรอกภาษาอังกฤษ
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ด้วยความที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มาพร้อมด้วยกับ พี่ Samsung Hyundai Series เกาหลีต่างๆ ทำให้เกาหลีสามารถสร้างอำนาจต่อรองและให้คนที่ต้องการติดต่อค้าขาย หรือชื่นชอบหลงใหลในวัฒนธรรมของประเทศตัวเองได้ จ้าาา อัน นยอง ฮา เซ โย
สำหรับไทยนั้นพ่อบ้านมองว่า เรื่องของภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้เทพอะไรมากมายเลย ลองให้ฝรั่งมาเดินถามทางหรือคุยกับคนในกรุงเทพซิจะรู้ แถมผลการวัดระดับภาษาในระดับสากลของเราก็ถือว่าค่อนข้างต่ำหรือบางครั้งก็ปานกลาง
ดังนั้นเลย นอกจากการศึกษาเรื่องภาษาอังกฤษแล้วพ่อบ้านคิดว่ามีอีกแนวทางนึงคือ เราต้องหาจุดแข็งของเราและ สร้างอำนาจต่อรองให้ได้เหมือนกับ จีน เยอรมัน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องพลิกมุมคิดนิดนึงว่าไม่ใช่เรารักภาษาเราจนไม่ยอมเรียนภาษาอื่นเลย แต่ถ้าอ่านบทความพ่อบ้านจะเห็นว่าไอ้ ประเทศอื่นมันพูดอังกฤษได้และพูดได้ดีด้วย แต่มันสร้างอำนาจต่อรองและยกระดับภาษาของตัวเองให้เป็นสากลมากขึ้น!!!! นี่ซิสำคัญไม่แพ้กัน
#ถ้าชอบก็แชร์วนไปได้เลยครับ 😁👌
#พ่อบ้านเยอรมัน #มหาอำนาจและภาษา #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German #Language #power