*** ประชุมไบเดน-ปูติน ไบเดนเชื่อ รัสเซียกำลัง “ลำบาก” ***
วานนี้ (16 มิ.ย.) มีการประชุมผู้นำประเทศระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่ เมืองเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ นับเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างสองประเทศนับแต่ปี 2018 แม้ได้ข้อสรุปร่วมกันเพียงเล็กน้อย แต่ไบเดนยังเชื่อ สุดท้ายรัสเซียจะยอมโอนอ่อนต่ออเมริกาเพราะ “รัสเซียอยู่ในฐานะที่ลำบากมากๆ”
ก่อนหน้าการประชุม ปูตินแสดงท่าทีไม่ไว้ใจ โดยกล่าวหาว่าสหรัฐสนับสนุนฝ่ายค้านของรัสเซีย และยังแผ่ขยายอิทธิพลมายังยุโรปตะวันออกซึ่งเป็นเขตอิทธิพลเก่าของรัสเซีย ส่วนไบเดนแถลงว่าเขาอยากเห็นความสัมพันธ์กับรัสเซียที่ “มีเสถียรภาพ ทำนายได้” ซึ่งทำให้พันธมิตรของสหรัฐฯ หลายประเทศ รวมทั้งยูเครน แสดงความกังวลว่า สหรัฐฯ อาจลดการสนับสนุนพันธมิตรเพื่อหันไปพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซีย
หลังการประชุมสองฝ่ายเป็นเวลา 3 ชั่วโมง (ซึ่งจบลงเร็วกว่ากำหนด) ผู้นำทั้งสองเจรจาได้ผลลัพธ์ “ที่ตกลงกันได้” บางข้อ โดย:
(1) ทั้งสองประเทศจะปรับความสัมพันธ์โดยให้เอกอัครราชทูตทั้งสองฝ่ายกลับเข้าประจำตำแหน่งอีกครั้ง หลังถูกลดระดับความสัมพันธ์ในเดือน มี.ค. (จากเหตุที่ไบเดนเรียกปูตินว่า “ฆาตกร”)
(2) มีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการเตรียมเปิดเจรจาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทันสมัยอย่างอื่นรอบใหม่ และ...
(3) รัฐบาลรัสเซียเสนอแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ ได้แก่อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ 2 นายที่ถูกสั่งจำคุกเมื่อปี 2020 ในข้อหาที่คลุมเครือ กับ นักบินรัสเซียคนหนึ่งที่ถูกทางการสหรัฐฯ จับในปี 2019 ฐานลักลอบนำเข้ายาเสพติด
อย่างไรก็ดีการเจรจาในด้านอื่น ๆ ยังไม่มีความคืบหน้า ปูตินยังคงมีทัศนคติด้านลบต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ เขากล่าวหาสหรัฐฯ ว่า อยู่เบื้องหลัง “รัฐประหาร” ในยูเครนเมื่อปี 2014 (ซึ่งหมายถึง การประท้วงใหญ่ของประชาชนซึ่งส่งผลให้อดีตประธานาธิบดี ยูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช ที่มีนโยบายฝักใฝ่รัสเซีย ถูกโค่นจากตำแหน่ง)
ด้านไบเดนเชื่อว่ารัสเซียอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตั้งแต่ปี 2020 มีรายงานข่าวว่าสหรัฐถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ 2 ครั้ง คือ:
(1) เมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ, นาโต้, และบริษัทเอกชนทั่วโลกอีกจำนวนหนึ่ง ถูกแฮ็ก และ
(2) เมื่อเดือน พ.ค. ปีนี้ บริษัทส่งน้ำมันใหญ่ในสหรัฐฯ เพิ่งถูกโจมตีทางไซเบอร์จนต้องปิดทำการหลายวัน ไบเดน จึงขู่ปูตินว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้หากถูกโจมตีไซเบอร์อีก
หลังการประชุม ผู้นำทั้งสองประเทศไม่ได้แถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ยังเย็นชา ปูตินให้สัมภาษณ์ระบุว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อ 6 ม.ค. เพียงแค่ต้องการยื่นข้อเรียกร้องที่สมเหตุสมผลเท่านั้น และถูกเล่นงานอย่างไม่ยุติธรรม เขายังระบุว่า ไม่ต้องการให้เกิดความปั่นป่วนในประเทศตนเหมือนกับกรณีเหตุจลาจลในวันนั้น
ส่วนไบเดนให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐฯ จะมุ่งรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนต่อไป และระบุว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ที่รัฐบาลของสองประเทศจะสามารถร่วมมือกันได้ รวมทั้งพื้นที่อัฟกานิสถาน ซีเรีย และ เขตอาร์กติก เขาเชื่อว่าสุดท้ายรัสเซียจะโอนอ่อนต่ออเมริกาเพราะ “[รัสเซีย] อยู่ในฐานะที่ลำบากมากๆ ในเวลานี้ พวกเขากำลังถูกจีนบีบ พวกเขาต้องการรักษาสถานะมหาอำนาจอย่างเอาเป็นเอาตาย”
::: อ้างอิง:::
theguardian ดอต com/us-news/2021/jun/16/five-things-we-learned-from-the-biden-putin-summit-in-geneva
bbc ดอต com/news/world-europe-57504755
theguardian ดอต com/us-news/2021/jun/16/biden-to-meet-putin-at-highly-anticipated-summit-in-geneva
reuters ดอต com/world/wide-disagreements-low-expectations-biden-putin-meet-2021-06-15/
apnews ดอต com/article/joe-biden-europe-russia-summits-business-c2b9256e6f432f68810e438be2a895c6
apnews ดอต com/article/donald-trump-joe-biden-middle-east-europe-nuclear-weapons-d67aee227ce9c7e9482af48cc6a10222
「รัฐประหาร คือ」的推薦目錄:
- 關於รัฐประหาร คือ 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的精選貼文
- 關於รัฐประหาร คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
- 關於รัฐประหาร คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的精選貼文
- 關於รัฐประหาร คือ 在 Voice TV - "รัฐประหารคืออาชญากรรมสูงสุดของระบอบประชาธิปไตยอ... 的評價
- 關於รัฐประหาร คือ 在 Overview-อ๋อมจุดยืนประชาธิปไตย100% ฉะรัฐประหาร ... - YouTube 的評價
- 關於รัฐประหาร คือ 在 จับตา! แก้รัฐธรรมนูญ หลังเลือกตั้ง ลบล้างผลพวงรัฐประหาร? | 6 เม.ย ... 的評價
รัฐประหาร คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
ข้อสังเกตเกี่ยวกับประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการฉับใหม่ : ระบบชักบันไดหนี
โดย รองศาสตราจารย์สิทธิกร ศักดิ์แสง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 ประกาศเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ฉบับนี้เมื่อดูผิวเผินหรือดูข่าวการให้สัมภาษณ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องประกาศนี้จะบอกว่าประกาศนี้จะทำให้ผู้ที่ขอผลงานนั้นขอให้ได้ง่ายมากขึ้นและมีคุณภาพผลงานที่มีมากขึ้น ผมจึงทำตารางให้มีการทำความเข้าใจมากขึ้น
ตารางการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563
ผลงานทางวิชาการในการยื่นตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.)
คุณสมบัติ
ป.ตรี 6 ปี
ป.โท 4 ปี
ป.เอก 1 ปี
1. ผลงานวิจัย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
2. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงาน หนังสือ (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
3. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงาน ตำรา 1 เล่ม (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
4. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานการรับใช้สังคม 1 เรื่อง (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
5. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานการรับใช้สังคม (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
6. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานวิชาการในลักษณะอื่น
หมายเหตุ สายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อาจใช้ผลงานทางวิชาการ ผลงานวิชาการในลักษณะอื่น หรือผลงานการรับใช้สังคมหรือบทความวิชาการ (คุณภาพระดับ B+) แทนงานวิจัยตาม ข้อ 2-5 ได้ ดังนี้
1. ผลงานวิชาการในลักษณะอื่น (คุณภาพระดับ 😎 หรือผลงานการรับใช้สังคมหรือบทความวิชาการ (คุณภาพระดับ B+) และหนังสือ หรือตำรา 1 เล่ม (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
2. ผลงานวิชาการในลักษณะอื่น (คุณภาพระดับ 😎 หรือผลงานการรับใช้สังคม(คุณภาพระดับ 😎 หรือบทความวิชาการ (คุณภาพระดับ B+) และผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม 1 เรื่อง (คุณภาพระดับ 😎 หรือ
3. ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น (คุณภาพระดับ 😎 หรือผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม (คุณภาพระดับ 😎 หรือบทความวิชาการ (คุณภาพระดับ B+) และผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 1 รายการ (คุณภาพระดับ 😎
4. ผลงานวิจัย ผลงานลักษณะอื่น และผลงานรับใช้สังคม ต้องได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติตามที่ ก.พ.อ. กำหนด หรือฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 1 และอย่างน้อย 1 เรื่อง ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรก (First author) หรือผู้เขียนธ์บรรณกิจ และตำราหรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรก
ผลงานทางวิชาการในการตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) วิธีที่ 1
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
คุณสมบัติ
ผศ. 2 ปี
1. ผลงานวิจัย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ B+) และผลงานหนังสือ 1 เล่ม (คุณภาพระดับ B+) หรือ
2.ผลงานวิจัย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ B+) และ ผลงานตำรา 1 เล่ม (คุณภาพระดับ B+)
3. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานหนังสือ 1 เล่มและผลงานทางวิชาการ
รับใช้สังคม (คุณภาพระดับ B+) หรือ
4. ผลงานวิจัย 1 เรื่องและผลงานตำรา 1 เล่มและผลงานทางวิชาการ
รับใช้สังคม (คุณภาพระดับ B+) หรือ
5. ผลงานวิจัย 1 เรื่องและผลงานหนังสือและผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 1 รายการ (คุณภาพระดับ B+)
6.ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานตำราและผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 1 รายการ (คุณภาพระดับ B+)
หมายเหตุ ผลงานวิจัย ผลงานในลักษณะอื่น ผลงานวิชาการรับใช้สังคม ต้องได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติตามที่ ก.พ.อ. กำหนด หรือฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 1 และอย่างน้อย 1 เรื่อง ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรกหรือผู้เขียนบรรณกิจและตำราหรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรก
ผลงานทางวิชาการในการของตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) วิธีที่ 2
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
คุณสมบัติ
ผศ. 2 ปี
1. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ B+) หรือ
2. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) และผลงานทางวิชาการ
รับใช้สังคม (คุณภาพระดับ B+)
3. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) และผลงานทางวิชาการ
ในลักษณะอื่น (คุณภาพระดับ B+)
หมายเหตุ
1.ผลงานวิจัย ผลงานในลักษณะอื่น ผลงานวิชาการรับใช้สังคม ต้องได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติตามที่ ก.พ.อ. กำหนด หรือฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 1 และอย่างน้อย 1 เรื่อง ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรกหรือผู้เขียนบรรณกิจและตำราหรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม ผู้ขอต้องเป็นผู้เขียนอันดับแรก
2. สำหรับสายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อาจเสนอขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ด้วยผลงานทางวิชาการ ดังนี้ หนังสือ หรือตำรา 3 เล่ม (คุณภาพระดับ A) อย่างน้อย 2 เล่ม และ (คุณภาพระดับ B+) 1 เล่ม ใช้แทนผลงานตาม ข้อ 1-3 ได้
ผลงานทางวิชาการในการของตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) วิธีที่ 3
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
หมายเหตุ สำหรับการเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ แพทย์ศาสตร์และสาขาอื่นๆ ตามที่ ก.พ.อ.กำหนด
1. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 10 เรื่อง ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล Quartile 1 และ Quartile 2 ของ Scopus หลังจากที่ได้รับดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ อย่างน้อย 5 เรื่อง ผู้ขอต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ และ
2. ผลงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงจาก Scopus โดยรวม (Life-time Citation) อย่างน้อย 500 รายการ และ
3. มีค่า Life-time h-index (Scopus) ไม่น้อยกว่า 8 และ
4. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนภายนอกสถาบัน อย่าง น้อย 5 โครงการ
หมายเหตุ สำหรับการเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการสาขาวิชาทางบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นๆ ตาม ก.พ.อ.กำหนด
1. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 5 เรื่อง ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล Scopus หลังจากที่ได้รับดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ อย่างน้อย 3 เรื่อง ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจ และ
2. ผลงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงจาก Scopus โดยรวม (Life-time Citation) อย่างน้อย 150 รายการ และ
3. มีค่า Life-time h-index (Scopus) ไม่น้อยกว่า 4 และ
4. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนภายนอกสถาบัน อย่าง น้อย 5 โครงการ
ผลงานทางวิชาการในการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ (ศ.) วิธีที่ 1
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์
พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
คุณสมบัติ
รศ. 2 ปี
1. ผลงานวิจัย 5 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และผลงานหนังสือ หรือตำราอย่างน้อย 1 เล่ม (คุณภาพระดับ A) หรือ
2. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และผลงานในลักษณะอื่นเผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด อย่างน้อย 5 เรื่องและและผลงานหนังสือ หรือตำราอย่างน้อย 1 เล่ม (คุณภาพระดับ A) หรือ
3. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และ ผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม 5 เรื่องและผลงานหนังสือหรือตำราอย่าง 1 เล่ม (คุณภาพระดับ A)
หมายเหตุ ผลงานวิจัย ผลงานลักษณะอื่นและผลงานรับใช้สังคมอย่างน้อย 2 เรื่องผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจ
ผลงานทางวิชาการในการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ วิธีที่ 2
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
คุณสมบัติ
รศ. 2 ปี
1. ผลงานวิจัย 5 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด อย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) หรือ
2. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง และ ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 5 เรื่อง อย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนดหรือ
3. ผลงานวิจัย 1 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และ ผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม 5 เรื่อง อย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A)
4. งานวิจัยอย่างน้อย 10 เรื่อง ต้องได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติตามที่ ก.พ.อ.กำหนด (คุณภาพระดับ A)
หมายเหตุ งานวิจัย ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น ผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม อย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 1 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก
หมายเหตุ นอกจาก 2 วิธีข้างต้น สำหรับสายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์อาจเสนอผลงานทางวิชาการ ศาสตราจารย์ ได้ 2 วิธีดังนี้
วิธีที่ 1
(1) ผลงานวิจัย 3 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด (คุณภาพระดับ A) หรือ
(2) ผลงานวิจัย 1 เรื่องเผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 3 เรื่อง และหนังสือหรือตำรา 2 เล่ม (คุณภาพระดับ A) หรือ
(3) ผลงานวิจัย 1 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม 2 เรื่อง และหนังสือหรือตำรา 2 เล่ม (คุณภาพระดับ A)
หมายเหตุ งานวิจัย ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น ผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม อย่างน้อย 2 เรื่อง ผู้ขอต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ และหนังสือหรือตำรา อย่างน้อย 1 เรื่อง ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก
วิธีที่ 2
(1) ผลงานวิจัย 5 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด โดยผลงานอย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) หรือ
(2) ผลงานวิจัย 1 เรื่อง เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ตามที่ ก.พ.อ. กำหนด และผลงานลักษณะอื่น อย่างน้อย 5 เรื่อง โดยผลงานอย่างน้อย 2 เรื่อง (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 3 เรื่อง (คุณภาพระดับ A) หรือ
(3) หนังสือ หรือ ตำราอย่างน้อย 3 เล่ม ผลงานอย่างน้อย 1 เล่ม (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 2 เล่ม (คุณภาพระดับ A)
หมายเหตุ
1.งานวิจัย ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น ผลงานทางวิชาการรับใช้สังคม มี (คุณภาพระดับ A+) อย่างน้อย 2 เรื่อง และมี (คุณภาพระดับ A) อย่างน้อย 1 เรื่อง ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก และหนังสือหรือตำรา ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก
2.ตำรา หรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม (คุณภาพระดับ A+) และอย่างน้อย 2 เล่ม (คุณภาพระดับ A) หนังสือหรือตำรา ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก
ผลงานทางวิชาการในการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ (ศ)วิธีที่ 3
ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้
ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563 (ใหม่) มีผลบังคับใช้ 24 มิถุนายน 2563
หมายเหตุ สำหรับการเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ แพทย์ศาสตร์และสาขาอื่นๆ ตามที่ ก.พ.อ.กำหนด
1. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 10 เรื่อง ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล Quartile 1 และ Quartile 2 ของ Scopus หลังจากที่ได้รับดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นเขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก และ
2. ผลงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงจาก Scopus โดยรวม (Life-time Citation) อย่างน้อย 1,000รายการ และ
3. มีค่า Life-time h-index (Scopus) ไม่น้อยกว่า 18 และ
4. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนภายนอกสถาบัน อย่าง น้อย 10 โครงการ
หมายเหตุ สำหรับการเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการสาขาวิชาทางบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นๆ ตาม ก.พ.อ.กำหนด
1. ผลงานวิจัยอย่างน้อย 10 เรื่อง ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล Scopus หลังจากที่ได้รับดำรงรองศาสตราจารย์ ผู้เขียนต้องเป็นชื่อแรก หรือ เป็นผู้เขียนบรรณกิจเป็นชื่อแรก และ
2. ผลงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงจาก Scopus โดยรวม (Life-time Citation) ดังนี้
- สาขาวิชาทางบริหารธุรกิจ อย่างน้อย 500 รายการ
- สาขาวิชาทางเศรษฐศาสตร์ อย่างน้อย 200 รายการ
3. มีค่า Life-time h-index (Scopus) ไม่น้อยกว่า 8 และ
4. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนภายนอกสถาบัน อย่าง น้อย 10 โครงการ
ข้อสังเกต ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2563
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงประกาศ ฉบับนี้เมื่อดูผิวเผินหรือดูข่าวการให้สัมภาษณ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องประกาศนี้จะบอกว่าประกาศนี้จะทำให้ผู้ที่ขอผลงานนั้นขอให้ได้ง่ายมากขึ้นและมีคุณภาพผลงานที่มีมากขึ้น ผมจึงทำตารางให้มีการทำความเข้าใจมากขึ้นแต่ผมเห็นว่าการขอผลงานนั้นยากมากขึ้น ด้วยเหตุผลดังนี้
1.คุณภาพผลงานทางวิชาการในแต่ละระดับที่มีเงื่อนไขยากมาก
ปัญหาที่สำคัญ คือ พนักงานมหาวิทยาลัย ที่มีสัญญาเงื่อนไขที่ว่า เมื่อได้ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ มาแล้ว จำนวนกี่ปี ต้องได้หรือเสนอขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ถ้าทำไม่ได้ผลของเงื่อนไขนี้มีปัญหาต่อสัญญาพนักงานมหาวิทยาลัย จะเป็นเครื่องมือของผู้บริหารในใช้เงื่อนไขนี้มาเป็นอำนาจต่อรองในการบริหารงานบุคคลได้ สิทธิเสรีภาพของพนักงานมหาวิทยาลัยอาจได้รับผลกระทบ
2. การกีดกันการขอตำแหน่งทางวิชาการ
การกีดกันการขอตำแหน่งทางวิชาการ อาจเกิดขึ้น 2 ประเด็น
ประเด็นแรก เนื่องจากการค่าตำแหน่งทางวิชาการที่ได้ คือ งบประมาณแผ่นดิน ที่ต้องจ่ายถ้าได้ตำแหน่งได้ง่ายมากขึ้นรัฐต้องเสียงบประมาณแผ่นดินมากขึ้น แต่รายจ่ายรัฐปัจจุบันมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และรายได้เข้ารัฐมีน้อยมาก เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น โควิด 19 รัฐประหาร การบริหารที่ผิดพลาดแบบเผด็จการ เป็นต้น รัฐสามารถลดการจ่ายส่วนนี้ได้ ด้วยการกำหนดเงื่อนไขการเข้าสู้ตำแหน่งที่ยากมากขึ้น
ประเด็นที่ 2 อาจมาจากอคติของผู้ที่ได้ตำแหน่งทางวิชาการระดับสูงมาแล้วและเป็นผู้ร่างระเบียบนี้ ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ ทัดเทียมเขา สิ่งที่สำคัญ คือ สร้างเงื่อนไขให้ยากมากขึ้นก็เป็นไปได้
3. ผลงานทางวิชาการที่ต้องเป็นงานสากล
เนื่องจากผลงานวิชาการที่ต้องเป็นงานสากล จึงเขียนระดับคุณภาพของผลงานวิชาการเป็นสากล เช่น การอ้างอิงงานต้องเป็นระดับนานาชาติ ดังนั้นผู้ได้เปรียบที่สุด คือ ผู้ที่ได้รับการศึกษาในต่างประเทศที่มีข้อมูลและมีความรู้ความเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศจึงได้เปรียบในการเขียนผลงานทางวิชาการ ซึ่งในข้อนี้ผลงานวิชาการต้องอ้างอิงระดับนานาชาติ มันต้องใช้ทุกศาสตร์ในการพัฒนาประเทศไหม ประกาศนี้ไม่ได้เขียนเพื่อให้เหมาะสมกับศาสตร์แต่ละศาสตร์ที่แท้จริง เช่น งานในการพัฒนาท้องถิ่นที่เป็นบริบทไทย จำเป็นไหมที่ต้องอ้างงานต่างประเทศ แม้จะบอกว่าต้องเปรียบ คำถามเปรียบเทียบเพื่ออะไร เพราะมันคือ บริบท แต่ถ้าหลักการท้องถิ่นที่ต้องพัฒนาอาจเปรียบเทียบได้ เป็นต้น
สรุป ความเห็นผมประกาศนี้ไม่ก่อให้มีการพัฒนาของบุคลากรทางด้านอุดมศึกษาที่แท้จริง
รัฐประหาร คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的精選貼文
การสัมภาษณ์เชิงเจาะลึก กล้า สมุทวณิช นักวิชาการศาลรัฐธรรมนูญ ในรายงานวิจัย เรื่อง ปัญหาที่และลำดับชั้นทางกฎหมายภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (อนึ่ง กล้าอนุญาตให้เปิดเผยความคิดในบทสัมภาษณ์)
ประเด็นสัมภาษณ์ข้อที่ 1 ท่านมีความคิดเห็นและแนวทางแก้ไขอย่างไรในประเด็นปัญหาที่มาและความสมบูรณ์ของกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐควบคุมคนในสังคม คือ
ข้อที่ 1. ปัญหาที่มาและความสมบูรณ์ของกฎหมายของประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ประกาศของคณะปฏิวัติ) ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 279 รับรองว่าชอบด้วยกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ข้อที่ 2. ปัญหาที่มาและความสมบูรณ์ของกฎหมายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายใต้บทบัญญัติมาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 และถูกรับรองตามมาตรา มาตรา 265 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ผมขออนุญาตตอบรวมๆ นะครับ ในความเห็นของผมแล้ว คำสั่งในข้อ 1 แตกต่างจากคำสั่งในข้อ 2 คือ คำสั่งตามข้อ 1 นั้นเป็นการใช้อำนาจรัฏาธิปัตย์แบบเต็มที่ คือเมื่อคณะรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะมีและใช้อำนาจอย่างรัฏฐาธิปัตย์ คือมีอำนาจล้นพ้นทุกประการ โดยไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติหรือกติกาว่าด้วยขอบเขตและวิธีการใช้อำนาจรัฐ อันเป็นสิ่งที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ถูกล้มล้างไปนั้น คณะรัฐประหารจะสามารถใช้อำนาจของตนได้ โดยไม่จำต้องแยกแยะว่าเป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร (ซึ่งรวมถึงอำนาจปกครอง) หรือตุลาการ ถ้าคำสั่งของคณะรัฐประหารนั้น มีลักษณะเป็นคำสั่งเฉพาะเรื่องเฉพาะคราว ที่มีผลให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลต้องกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือมีสิทธิหน้าที่สถานะอะไรอย่างไร คำสั่งนั้นก็เป็นการใช้อำนาจบริหาร โดยในบางกรณีอาจจะเป็นคำสั่งทางปกครองอย่างหนึ่ง
สำหรับผมประกาศ คำสั่ง อะไรในช่วงนี้ หากรัฐธรรมนูญล็อกไว้ว่าให้ถือว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยอัตโนมัติ จะไม่สามารถตรวจสอบและเพิกถอนได้ในทางใดเลย เว้นแต่การล้างผลของรัฐธรรมนูญ 2560 และ 2557 ลงอย่างชัดเจนก่อน
ส่วนคำสั่งตามข้อ 2. นั้น อำนาจของคณะรัฐประหารจะเบ็ดเสร็จอยู่ดังนี้ จนกว่าพวกเขาจะ “ก่อตั้ง” รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวขึ้น เพื่อจัดแจงการใช้อำนาจ และสถาปนาองค์กรผู้ใช้อำนาจขึ้นมาใหม่ เมื่อคณะรัฐประหารได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แล้ว “ในทางทฤษฎี” ถือว่า คณะรัฐประหารนั้นยอมตนกำจัดอำนาจอยู่ใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ตนประกาศขึ้นนั้นเอง โดยคณะรัฐประหารจะถือเป็นสถาบันทางรัฐธรรมนูญหนึ่งที่ได้รับการบัญญัติอำนาจหน้าที่ไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ส่วนการใช้อำนาจอธิปไตยอื่น รัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น จะก่อตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้นมาเพื่อใช้อำนาจนิติบัญญัติ และคณะรัฐมนตรีขึ้นมาเพื่อใช้อำนาจบริหาร ส่วนอำนาจตุลาการนั้นเคยเป็นของศาลอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น เช่นนี้แล้ว การใช้อำนาจ “อย่างรัฏฐาธิปัตย์” ของคณะรัฐประหารนั้นก็จะไม่สามารถกระทำได้ เพราะต้องถูกจำกัดไว้ตามรัฐธรรมนูญ
การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 นี้ก็เช่นกัน การใช้อำนาจนี้เป็นรูปแบบของการใช้อำนาจพิเศษ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจที่ยกเว้นหลักการใช้อำนาจทั้งปวง ทั้งในแง่ของการแบ่งแยกอำนาจ ที่อนุญาตให้บุคคลเพียงคนเดียวหรือคณะบุคคลเดียว สามารถใช้อำนาจได้ทั้งในทางนิติบัญญัติ (ออกกฎหมาย) บริหาร (บังคับใช้และรักษาการตามกฎหมาย) และตุลาการ (ตัดสินหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายนั้น) ได้ โดยปราศจากการตรวจสอบ เนื่องจากอยู่ภายใต้บังคับของรัฐธรรมนูญว่าให้การใช้อำนาจดังกล่าวถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้ว แต่แม้จะเป็นอำนาพิเศษอย่างไร “เงื่อนไข” ในการจะใช้อำนาจนี้ได้ ก็ต้องเป็นเรื่องที่มาตรา 44 นั้นเปิดโอกาสให้ใช้อำนาจดังกล่าวได้ และต้องใช้อำนาจเช่นนั้นอย่างเคร่งครัด ในกรณีจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาหรือดำเนินการต่าง ๆ ตามที่บัญญัติไว้นั้น มิใช่นำมาใช้อย่างเป็นวิธีหลักในการใช้อำนาจ ที่จะเลือกใช้เมื่อใดหรือใช้กับเรื่องใดก็ได้ ตามที่ผู้ครองอำนาจนั้นเห็นสมควร
แม้ในทางความเป็นจริงแล้ว คสช. คือผู้ทำรัฐประหารและยึดกุมอำนาจในเชิงความเป็นจริงได้ในขณะนี้ De facto เขาอาจใช้อำนาจอย่างล้นพ้นเยี่ยงรัฏฐาธิปัตย์ได้ แต่ในเมื่อพวกเขาเองได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และต่อมาก็มีการร่างและลงประชามติในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร จึงเท่ากับคสช. จำเป็นจะต้องผูกพันตนเข้ากับรัฐธรรมนูญที่ตนเองประกาศใช้นั้น
ในแง่นี้ ผมเลยมองว่า ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลใด ๆ ก็ตาม มีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยว่า การใช้อำนาจของหัวหน้าคณะ คสช. นั้น ชอบด้วยเงื่อนไขที่มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ หากพิจารณาว่าการใช้อำนาจนั้นชอบด้วยเงื่อนไขของมาตรา 44 แล้ว คำสั่งของหัวหน้าคณะ คสช. ดังกล่าวจึงจะมีผลใช้บังคับได้ และถือว่าคำสั่งหรือการกระทำเช่นว่านั้นเป็นคำสั่งหรือการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่อยู่ในอำนาจตรวจสอบของศาลหรือองค์กรใด
ประเด็นสัมภาษณ์ข้อที่ 2 ท่านมีความเห็นและแนวทางแก้ไขอย่างไรในประเด็นปัญหาสถานะและลำดับชั้นทางกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐควบคุมคนในสังคม คือ
ข้อที่ 1. สถานะและลำดับชั้นทางกฎหมายของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ในความเห็นของผมแล้ว พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ถือเป็นกฎหมายพิเศษชั้นเดียวกับพระราชบัญญัติ เพียงแต่มีเงื่อนไขในการตราที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติ คือมีกรอบเนื้อหาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วโดยรัฐธรรมนูญมีไว้เพื่อขยายความรัฐธรรมนูญ และเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญนั้นเองจะเป็นผู้กำหนดว่าให้มีกฎหมายใดบ้างที่ถือเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกำหนดกรอบว่ากฎหมายนั้นจะมีเนื้อหาอย่างไร โดยจะมีกระบวนการตรา คือการออกกฎหมายที่พิเศษเฉพาะกว่ากฎหมายทั่วไป
แต่ลำดับศักดิ์ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ก็ไม่น่าจะสูงกว่าพระราชบัญญัติ ข้อบ่งชี้ประการหนึ่งคือ ไม่มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดให้อำนาจตรา “กฎหมาย” (ในความหมายของพระราชบัญญัติ) ขึ้นมาเพื่อขยายความพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งการ “ออก (กฎหมาย) ลูก” ได้นี้ คือข้อบ่งชี้ประการหนึ่งของความเป็นกฎหมายที่ลำดับศักดิ์สูงกว่า ตามทฤษฎีห่วงโซ่แห่งความบริสุทธิ์ของกฎหมายของเคลเซ่น
ดังนั้น หากมีกรณีขัดแย้งกันระหว่างพระราชบัญญัติทั่วไป กับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ผมจึงคิดว่าเราต้องกลับไปสู่หลักการตีความกฎหมายทั่วไป คือ กฎหมายเฉพาะยกเว้นกฎหมายทั่วไป เช่นนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ถือเป็นกฎหมายเฉพาะ (คือเฉพาะเรื่องที่กำหนดไว้โดยรัฐธรรมนูญ) จึงอาจยกเว้นกฎหมายทั่วไปได้ (เช่น กฎหมายอาญากำหนดให้คดีอาญาต้องมีอายุความ แต่ พรป. ฉบับหนึ่งผมไม่แน่ใจ กำหนดให้การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในทางการเมืองเป็นคดีที่ไม่มีอายุความ) กฎหมายอื่นจึงขัดกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะมันลำดับศักดิ์สูงกว่า แต่เป็นไปตามหลักทั่วไปในการตีความกฎหมายนั่นเอง
ข้อที่ 2. สถานะและลำดับชั้นทางกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญ
ผมมองว่า พระราชกฤษฎีกา คือรูปแบบของการใช้อำนาจทางรัฐธรรมนูญของสถาบันทางรัฐธรรมนูญครับ เช่น นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจยุบสภา ก็ออกพระราชกฤษฎีกายุบสภา อำนาจนี้มีที่มาโดยตรงจากรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ได้สูงกว่าพระราชบัญญัติครับ ในทางวิชาการ การใช้อำนาจโดยตรงเช่นนี้จะต้องไม่ถูกตรวจสอบจากศาลอยู่แล้ว ถือเป็นการกระทำทางรัฐบาล หรือการกระทำทางรัฐสภา
ประเด็นสัมภาษณ์ข้อที่ 3 ท่านมีความคิดเห็นและแนวทางแก้ไขอย่างไรในประเด็นปัญหาการดำรงอยู่ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เป็นเครื่องมือของรัฐควบคุมคนในสังคมในกรณีรัฐธรรมนูญสิ้นผลการบังคับใช้ไปแล้ว
ในทางวิชาการ มีแนวความคิดว่า ในทางทฤษฎีแล้วเสมือนว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นกฎหมายลูกบทโดยตรงของรัฐธรรมนูญ หากยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายแม่บท พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญย่อมสิ้นสภาพลงโดยอัตโนมัติ โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะอยู่คู่ไปกับรัฐธรรมนูญฉบับที่กำหนดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และมาตราที่มีการกำหนดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไว้ เมื่อมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือบางส่วน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องก็น่าจะต้องสิ้นผลตามลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีของประเทศไทยนั้น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ในสมัยที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2549 ได้วางหลักไว้ในคำวินิจฉัยที่ 3-5/2550 ว่า ในระบบกฎหมายไทยแล้ว ลำพังการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ล้มหรือยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไปด้วยโดยอัตโนมัติตามรัฐธรรมนูญ การจะยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญได้นั้น จะต้องกระทำโดยใช้อำนาจนิติบัญญัติ หรืออำนาจระดับเดียวกัน (เช่นคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหารที่มีผลในทางนิติบัญญัติ) มายกเลิกเช่นเดียวกับการยกเลิกพระราชบัญญัติทั่วไป
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเป็นเหมือน “อวัยวะ” ของรัฐธรรมนูญตามชื่อของมันครับ ดังนั้นเมื่อแม่บทของมันยกเลิกแล้ว มันย่อมสิ้นผลไปโดยอัตโนมัติ เอาง่าย ๆ นะครับ ศาลรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญยกเลิก และมีการยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน ?
แต่มันเป็นจารีตประเพณีทางรัฐธรรมนูญไทยไปแล้วครับ ที่แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะยกเลิกไป แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังคงอยู่ และใช้บังคับไปพลางเท่าที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นเช่นนี้มาสองครั้ง (รัฐประหาร 2549 และ 2557) แล้วครับ
ประเด็นสัมภาษณ์ข้อที่ 4 ท่านมีความคิดเห็นและแนวทางแก้ไขอย่างไรในประเด็นปัญหาการเยียวยาให้กับประชาชนอันเกิดจากการใช้ ประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประเด็นที่ 1 ข้อที่ 1 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประเด็นที่ 1 ข้อที่ 2
ผมมองว่า ในกรณีนี้ มีสองแนวทางครับ
แนวทางที่ 1 คือ เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้ถือว่าการออกคำสั่งนั้นไม่ชอบ ผู้ออกคำสั่งจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากคำสั่งนั้น โดยรัฐบาลอาจจะชดใช้ให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายไปก่อนเพื่อเป็นการเยียวยา แล้วจึงมาไล่เบี้ยเอากับผู้ออกคำสั่งได้
แต่วิธีนี้ยาก คือจะต้องมีกระบวนการเพิกถอนคำสั่งหรือประกาศของ คสช. ก่อน โดยในทางรัฐธรรมนูญปัจจุบันแทบเป็นไปไม่ได้เลย การจะทำได้นั้น ต้องมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่และล้างผลพวงของรัฐธรรมนูญ 2557 และ 2560 เสียก่อน
แนวทางที่ 2 คือ ไม่ต้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่รัฐเข้าไปเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายจากการใช้คำสั่งเหล่านั้น โดยถือว่าเป็นความรับผิดแบบไม่ต้องมีความผิด (Strict liability หรือ responsabilité sans faute) คือรัฐไม่ผิด คำสั่งนั้นชอบ แต่เมื่อมีผู้เสียหายรัฐจึงต้องชดเชยเยียวยา คล้าย ๆ การเยียวยาเมื่อเกิดมาตรการที่รัฐจำเป็นต้องใช้ อย่างเช่นการเวนคืน หรือทำลายสัตว์ติดเชื้อของชาวบ้านน่ะครับ วิธีนี้จะประนีประนอมกว่า และเป็นไปได้มากกว่า ข้อเสียคือ รัฐต้องรับภาระในการชดเชยเยียวยา โดยไม่อาจเรียกหรือไล่เบี้ยจากผู้กระทำการหรือออกคำสั่งนั้นได้
รัฐประหาร คือ 在 Overview-อ๋อมจุดยืนประชาธิปไตย100% ฉะรัฐประหาร ... - YouTube 的推薦與評價

Overview ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2566อ๋อมลั่นจุดยืนประชาธิปไตย 100% ฟาดทหารยึดอำนาจไม่ต่างจากสัตว์ป่า ต้องเช็คบิลทุกกลุ่มทุกกรณี ... ... <看更多>
รัฐประหาร คือ 在 จับตา! แก้รัฐธรรมนูญ หลังเลือกตั้ง ลบล้างผลพวงรัฐประหาร? | 6 เม.ย ... 的推薦與評價

หลัง “ชัยเกษม นิติสิริ” หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เสนอวิสัยทัศน์เตรียมแก้รัฐธรรมนูญ รัฐประหาร คือ กบ … Show more. Show more. ... <看更多>
รัฐประหาร คือ 在 Voice TV - "รัฐประหารคืออาชญากรรมสูงสุดของระบอบประชาธิปไตยอ... 的推薦與評價
รัฐประหาร คือ การระงับการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลขณะนั้น และการแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ อีก เป็นต้น เพื่อต้องการรักษาความสงบ ก่อนสถานการณ์จะ ... ... <看更多>