“การค้นหาตัวเอง” ก็เหมือนกับ “การชิมอาหาร”
.
คุณจะรู้ว่าเมนูไหนคือของโปรดของคุณ ก็ต่อเมื่อคุณลองชิมหลายๆ อย่าง
แม้บางทีคุณเจอแล้วว่าอะไรคือเมนูที่คุณชอบมากที่สุด แต่พอเวลาผ่านไป คุณได้ลองชิมอาหารเมนูใหม่ คุณก็อาจพบเมนูที่คุณชอบมากกว่า
.
ผมเคยเป็นคนหนึ่งที่ค้นหาตัวเองไม่เจอ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือบางทีเหมือนจะเจอแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปมันก็ไม่ใช่อยู่ดี
.
สิ่งที่ผมทำมาตลอดตั้งแต่เด็กก็คือ การศึกษา ทดลอง และปรับใหม่
.
ตอนอายุ 5 ขวบ ผมจำได้ว่าตัวเองนั่งดูรายการทีวีอยู่ แล้วบังเอิญในทีวีมีการแสดงโชว์กีฬาเทควันโด ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเขาเรียกว่ากีฬาอะไร ผมรู้แค่ว่ามันคือกีฬาต่อสู้ที่ชุดเท่มาก ซึ่งผมเองก็ชอบเล่นต่อสู้กับน้องชายอยู่แล้วด้วย
.
จากนั้นผมก็ใช้เวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เดินทางไปเรียนเทควันโดที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 40 กิโลเมตร โดยติดรถบรรทุกสิบล้อหรือรถกระบะของร้านวัสดุก่อสร้างของพ่อที่มีคิวไปส่งอิฐ หิน ปูน ทราย ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นทางผ่านของโรงเรียนสอนเทควันโดพอดี
.
ความฝันของผมคือการเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติ
.
ผมตั้งใจฝึกซ้อมทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านทุกวัน โดยให้ความสำคัญกับกีฬามากกว่าการเรียน พูดง่ายๆ คือ “กีฬาเป็นเลิศ ส่วนการเรียนแค่ให้ผ่านก็พอ” ซึ่งผลการเรียนของผมก็แค่พอผ่านจริงๆ
.
ผมฝึกซ้อมและแข่งขันในระดับต่างๆ มาเกือบ 10 ปี จนขึ้นไปแข่งขันในระดับประเทศได้ แต่เชื่อไหมว่าตลอดชีวิตของผม พ่อแม่เดินทางไปดูผมแข่งจริงๆ แค่ 2 ครั้ง
.
ครั้งแรกคือ ตอน ป.6 ในรายการชิงแชมป์ภาคใต้ ปี 2008 ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งตอนแรกพ่อแม่ไม่ได้มาดู แต่พอผมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ท่านก็ขับรถเดินทางมาดูผม กับอีกรายการคือ รายการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ปี 2009 ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งผมเดินทางไปพร้อมกับแม่
.
เหตุผลที่ท่านไม่ค่อยมาดู ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า “ไม่อยากเห็นลูกตัวเองโดนเตะ และต้องเจ็บตัว”
.
แต่ผมก็ไปไกลที่สุดได้แค่นั้น ไม่ได้ติดทีมชาติตามที่ตัวเองฝันไว้
.
ในขณะที่เล่นกีฬาเทควันโด ผมค้นพบว่าตัวเองมีทักษะการสอนที่ดี เพราะเวลาฝึกซ้อมครูมักจะให้ผมไปสอนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เสมอ ซึ่งทุกคนที่ผ่านการสอนจากผมก็มักจะทำการทดสอบได้ดี
.
ผมเลยเข้าสู่การเป็นผู้ฝึกสอนกีฬาเทควันโด ตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยครูฝึกในโรงเรียน จนกระทั่งออกมาทำธุรกิจโรงเรียนสอนเทควันโด ผมสอนเทควันโดมาประมาณ 6 ปี ตั้งแต่เรียนมัธยมปีที่ 5 จนจบมหาวิทยาลัยปี 4 ก็เริ่มรู้สึกว่าอิ่มตัวกับตรงนี้
.
ผมเลยเริ่มมองหาอะไรใหม่ๆ ทำ ซึ่งตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 มีเพื่อนในสาขาชักชวนไปแข่งขันประกวดไอเดียธุรกิจสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นโครงการของมหาวิทยาลัย เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองทำธุรกิจโรงเรียนสอนเทควันโดแบบงูๆ ปลาๆ มาตลอด
.
คือใช้แค่ความรู้ด้านกีฬาเทควันโดและทักษะการสอน แต่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจเลย จนทำโรงเรียนเจ๊งไป 2 รอบ จึงคิดว่าน่าจะไปลองเรียนรู้ดูสักหน่อย ซึ่งการไปแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเปิดโลกผมอีกครั้ง เพราะในกิจกรรมจะมีนักธุรกิจจริงๆ มาให้ความรู้เรื่องธุรกิจก่อน และได้เรียนรู้ว่าธุรกิจจริงๆ เขาทำกันยังไง
.
ซึ่งผมก็คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งในระดับมหาวิทยาลัยมาได้ถึงสองปีซ้อน และได้มีโอกาสไปแข่งขันในระดับประเทศแต่ก็ตกรอบ
.
ทั้งหมดนั้นทำให้ผมมีแพชชั่นกับการทำสตาร์ตอัพ มากถึงขนาดที่ผนังหอพักของผมเต็มไปด้วยตาราง Business Model และไอเดียธุรกิจ เสมือนผมค้นหาตัวเองเจออีกครั้ง มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมลุกขึ้นมาศึกษาเรื่องธุรกิจ เริ่มอ่านหนังสือ และเข้าสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจมากขึ้น
.
จนถึงช่วงฤดูกาลฝึกงานก่อนเรียนจบ ผมก็ไปขอสมัครฝึกงานที่บริษัทสตาร์ตอัพของพี่ที่เป็นกรรมการตอนแข่งขัน เพื่อหวังจะเข้าไปหาโอกาสทางธุรกิจ และผมก็ได้รับการเสนอให้เข้าทำงานประจำต่อที่บริษัทนั้นเลยหลังเรียนจบ
อย่างไรก็ตาม มันก็ล้มเหลวหลายครั้งและไปไม่ถึงฝัน เพราะการทำสตาร์ตอัพต้องมีทีม ซึ่งการจะหาคนมาทำธุรกิจกับเราทั้งที่ยังไม่มีรายได้มันยากมากๆ
.
สุดท้ายความฝันของผมก็ถูกพับเก็บเอาไว้
.
แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมอ่านหนังสือมาตลอด และได้ทำรายการ Live สรุปหนังสือที่ตัวเองอ่านให้เพื่อนๆ ฟังบนเฟซบุ๊กส่วนตัวตามคำขอของเพื่อนๆ เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าผมอ่านหนังสืออะไรทุกวัน แต่แค่ขี้เกียจอ่านเอง
.
ในจังหวะนั้นเอง ผมบังเอิญไปเจอแอปพลิเคชัน Blockdit ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคล้ายๆ เฟซบุ๊ก ที่เปิดให้คนเข้ามาสร้างงานเขียนของตัวเอง แถมมีค่าตอบแทนให้ด้วย
.
ผมจึงเปลี่ยนจาก Live บนเฟซบุ๊ก ไปเขียนใน Blockdit ทันที จนมาค้นหาตัวเองเจออีกครั้งว่าเราก็พอจะเขียนอะไรให้คนอ่านรู้เรื่อง และคนก็ชอบงานเขียนของเราด้วย แล้วพอเราทำสิ่งไหนได้ดี และผู้คนต้องการสิ่งที่เราทำ สุดท้ายเราก็ชอบมันไปโดยปริยาย
.
ชีวิตมันก็แค่นี้
.
ศึกษา ทดลอง และปรับใหม่
.
จากคนที่เกลียดการอ่านหนังสือ ไม่เคยแม้แต่จะจดสิ่งที่อาจารย์สอนลงสมุด ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมมองภาพตัวเองไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะกลายมาเป็นนักเขียนได้ และที่สำคัญ ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถทำเงินมากมายจากการอ่านหนังสือ ด้วยการทำเพจสมองไหล และทำธุรกิจขายหนังสือออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จ
.
จะว่าไปชีวิตคนเรามันก็พลิกผันหักมุมได้ตลอดเวลาจริงๆ มันไม่เคยมีอะไรแน่นอน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ในปัจจุบัน มันใช่ตัวเองหรือเปล่า เพราะในอนาคตผมอาจจะ “ค้นหาตัวเองเจออีกครั้ง” ก็ได้
.
ถ้าวันนี้คุณยังหาตัวเองไม่เจอ ก็อย่ามัวแต่เสียเวลาไปกับการครุ่นคิด เพราะถ้าคุณไม่เคยลองชิมอาหาร คุณจะรู้ไหมว่า เมนูไหนคือของโปรดคุณ
.
เช่นกัน ถ้าคุณไม่ลองลงมือทำคุณก็ไม่มีทางรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบ
.
การค้นหาตัวเอง จึงไม่ใช่การมัวแต่นั่ง “คิดวกไปวนมา”
.
แต่คือการ “ทดลอง” และ “ลงมือทำ” อะไรหลายอย่าง จนกว่าจะหามันเจอ
.
.
- งานประจำสอนทำธุรกิจ
.
หนังสือที่ถ่ายทอดเทคนิคจากประสบการณ์จริงของเจ้าของเพจสมองไหลที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ โดยทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำ
.
แต่ในขณะเดียวกันก็นำความรู้จากงานประจำมาใช้เสริมสร้างธุรกิจจนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนรายได้แซงงานประจำ 6 เท่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานประจำไปได้เพียง 1 ปี
.
ใครอยากจะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
โดยใช้ต้นทุนจากงานประจำ สามารถนำวิธีของสมองไหลไปใช้ได้ง่ายๆ
.
เพียงสั่ง หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ
.
ราคา 305 บาท รวมส่ง
.
วิธีการสั่ง
.
1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_7GBExd45
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือก “จำนวน” และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
「การค้นหาตัวเอง คือ」的推薦目錄:
- 關於การค้นหาตัวเอง คือ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
- 關於การค้นหาตัวเอง คือ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
- 關於การค้นหาตัวเอง คือ 在 Capt.Benz Facebook 的最佳解答
- 關於การค้นหาตัวเอง คือ 在 ค้นหาตัวเองเจอรึยัง ถ้าไม่เจอ เราจะค้นหาตัวเองอย่างไร - YouTube 的評價
- 關於การค้นหาตัวเอง คือ 在 Getupteacher - “ให้นักเรียนค้นหาอาชีพสิ่งใช่ ทำในสิ่งที่ชอบ ... 的評價
การค้นหาตัวเอง คือ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
หมอ คือ นักปิดการขายที่เก่งที่สุด
.
หลายคนฟังแล้ว คงเถียงขึ้นมาในใจ ว่าหมอจะเป็นนักปิดการขายได้ไง เพราะไม่เคยเห็นหมอคนไหนขายของสักคน
.
งั้นลองนึกภาพตามผมนะครับ...
.
ถ้าวันนี้คุณเกิดปวดท้องขึ้นมา แล้วไปหาหมอ สิ่งแรกที่หมอจะถามคุณคือ สอบถามอาการป่วย สอบถามพฤติกรรมต่างๆ เช่น ปวดตรงไหน ปวดมากี่วันแล้ว ส่วนใหญ่ปวดเวลาไหน ถ่ายเหลวมั๊ย ?
.
หลังจากสอบถามอาการแล้วทำการตรวจอย่างละเอียด จึงจะวินิจฉัยโรคออกมา แล้วจึงบอกว่า คุณเป็นอะไร
.
หลังจากนั้นคุณก็ออกจากห้องตรวจ แล้วก็เดินไปจ่ายเงินค่ายา (สินค้า) โดยที่ไม่สามารถเลือกชนิดของยาได้เลย ว่าจะเลือกยาชนิดไหน ผลิตจากประเทศอะไร แล้วจ่ายเงินเท่าไหร่ ?
.
ที่สำคัญ คือ คุณไม่มีทางปฏิเสธการรับยาแล้วบอกว่า “ขอคิดดูก่อน” ที่หน้าห้องรับยาได้เลย
.
หน้าที่ของคุณคือ เดินไปจ่ายเงิน แล้วรับยาไปกินที่บ้าน
.
นั้นแหละ เท่ากับว่า คุณหมอ “ปิดการขาย” สำเร็จแล้ว
.
สิ่งที่ทำให้หมอเป็นนักปิดการขายที่เก่งที่สุด เพราะหมอไม่ได้เน้น “ขายสินค้า” แต่เน้น “แก้ปัญหา” ให้ลูกค้าต่างหาก
.
คุณหมอจะไม่อธิบายสรรพคุณของยาก่อนการวินิจฉัยโรค และแทบจะไม่คุยเรื่องของยา (สินค้า) เลยด้วยซ้ำ
.
คุณลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณไปหาหมอแล้วหมอบอกว่า “อ๋อ ไม่ต้องตรวจหรอก ผมดูหน้าคุณก็รู้แล้วว่าคุณเป็นอะไร เอายานี้ไปกินแล้วกัน รับรองว่าหายแน่นอน เพราะยานี้มันมีสรรพคุณแบบนี้ ใช้แล้วดีมากๆ”
.
ถ้าคุณเจอหมอแบบนี้ คุณจะกล้าไปหาหมอคนนี้อีกไหมครับ แล้วจะกล้ากินยาที่หมอให้มาไหม ?
.
แน่นอนว่าคงตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ !!”
.
แต่น่าแปลกไหม ที่เวลาคนเราจะขายของ ชอบขายแบบ “หมอที่ไม่มีการตรวจโรคก่อน”
.
เพราะทุกครั้งที่นักขายได้โอกาสพูด ก็จะเริ่มร่ายยาวข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า อย่างกับร้องเพลงแร็ปให้ลูกค้าฟัง แล้วก็พยายามบีบให้ลูกค้าซื้อด้วยเทคนิคต่างๆ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้แหละ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ “เกลียดการขาย”
.
จำไว้ว่า “ลูกค้าไม่ได้สนใจสินค้าของเราเลย เพราะทุกคนเขาสนใจแต่ปัญหาของตัวเองเท่านั้น”
.
และลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้า แต่เขาซื้อวิธีแก้ปัญหาต่างหาก
.
และ หมอนี่แหละ คือ “นักแก้ปัญหา” ที่เก่งที่สุด
.
เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะปิดการขายได้เก่ง คุณต้องปิดการขายแบบหมอ
.
ซึ่งนี่แหละคือ กุญแจสำคัญที่ทำให้ผมสามารถ “ปิดการขายหนังสือได้ 6,000 เล่ม ภายในเวลา 8 เดือน”
.
เพราะผมไม่ได้เน้น “ขาย” หนังสือ แต่ผมเน้น “แก้ปัญหา” ให้ลูกค้า
.
ซึ่งผมมักจะพูดบ่อยๆ ว่าเพจผมไม่ใช่เพจขายหนังสือ แต่เหมือน “คลินิกที่จ่ายยาเป็นหนังสือ” ต่างหาก
.
ใครที่เคยเข้ามาซื้อหนังสือกับผมจะรู้ดีว่า ถ้าคุณทักผมมา ผมจะไม่เอาแคตตาล็อกหนังสือมากางให้คุณดู
.
แต่จะให้ลูกค้าเล่าปัญหาที่ตัวเองเจอออกมา ไม่ว่าจะเป็น การงาน ธุรกิจ การเงิน ความรัก ความสุข สังคม การค้นหาตัวเอง หรือ เป้าหมายของชีวิต
.
จากนั้นก็ค่อยๆ ถามเจาะลึกลงไปจนเจอต้นตอของปัญหา แล้ววินิจฉัยออกมาว่าคุณเป็นอะไร หนึ่ง สอง สาม สี่...
.
เมื่อรู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร ผมถึงจะค่อยบอกว่า มันสามารถแก้ไขได้ด้วยหนังสือเล่มไหน เปรียบเสมือนการจ่ายยาของหมอ
.
ซึ่งลูกค้าเกือบทุกคน ก็ยอมจ่ายเงินซื้อหนังสือกับผม โดยที่ไม่ไปหาร้านอื่นมาเปรียบเทียบราคาเลย
.
นี่แหละคือ กุญแจสำคัญที่ทำให้ผมสามารถทำธุรกิจขายหนังสือได้ โดยที่ไม่ต้องไปตัดราคาแข่งกับใคร ไม่ต้องไปลดคุณค่าของหนังสือแข่งกับใคร เพราะสิ่งที่ผมทำอยู่นั้น มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
.
เพราะความจริงแล้วลูกค้าไม่ได้ซื้อของเพราะราคาอย่างเดียว แต่เพราะคุณขายเหมือนกันหมด มันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกค้าจะต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อสินค้าของคุณ
.
แล้วก็มานั่งบ่นโทษคนอื่นว่า “ลูกค้าสมัยนี้ก็ซื้อของกันที่ราคาทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ลดราคาก็ไม่มีใครซื้อหรอก”
.
โดยที่ไม่หันมาถามตัวเองเลยว่า “ถ้าอยากจะให้ลูกค้าจ่ายเเพงกว่า แล้วได้ทำอะไรให้มันดีกว่าเจ้าอื่นแล้วหรือยัง ?”
.
แล้วถ้าคุณอยากมียอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเหมือนผม ผมแนะนำให้อ่าน “หนังสือ รู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง” ของโค้ชแบงค์ สุภกฤษ
.
นี่คือหนังสือที่ทำให้ผมรู้สึก “สนุก” กับ “การขาย” มากที่สุดแล้ว เพราะแต่ละเทคนิคที่โค้ชแบงค์ได้เขียนไว้นั้น มันช่างแยบยลจนสามารถดึงออกมาใช้ปิดการขายได้ทุกสถานการณ์จริงๆ
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
การค้นหาตัวเอง คือ 在 Capt.Benz Facebook 的最佳解答
“สร้าง VDO อย่างมีกลยุทธ์ จับต้องได้ และเห็นผลลัพธ์ภายใน 24 วัน ... โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อลังการ และไม่ต้องคิดหัวข้อ”
.
ในช่วง 1-2 ปีมานี้
กูรูทุกคนทุกสำนัก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“นี่คือช่วงเวลาแห่งการมีสื่อเป็นของตัวเอง”
เพื่อเพิ่มโอกาสและความได้เปรียบให้กับธุรกิจ
เราจึงต่างพากันเปิดเพจ Facebook เปิดช่อง Youtube
ทำคลิป ทำคอนเทนต์กันเป็นการใหญ่
โดยหวังว่าจะ “ได้อะไร” จากการตามทันโลกโซเชียล
แต่แล้วกลับพบว่า ...
การทำคลิป ทำคอนเทนต์ แต่ละครั้งแต่ละตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
มันเต็มไปด้วยความขัดข้อง ขัดเขิน
ไม่คล่องตัว และง่ายดายอย่างที่คิดไว้
.
ปัญหาที่เจอ มักหนีไม่พ้นเรื่อง ...
- คิดคอนเทนต์ไม่ออก
- คิดคอนเทนต์ออกแต่ไม่ปัง
- คอนเทนต์ดี แต่หัวข้อไม่โดน ไม่มีคนดู ไม่มีคนแชร์ ไม่มีคนคอมเมนต์
- วิดิโอที่ทำ ไม่เกิดผลลัพธ์เหมือนที่จินตนาการไว้
- ภาพไม่สวย เสียงไม่ชัด แสงไม่ได้ ไฟไม่พอ
ฯลฯ
เราจึงต่างพากันละทิ้งการทำคลิปวิดิโอไป
และบอกกับใครต่อใคร(รวมทั้งตัวเอง)ว่ามันเป็นเรื่องยาก
.
ไหนจะการผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดของเพจหรือช่องที่พูดเรื่องเดียวกันกับเรา
ที่บางครั้งบางทีดูเผินๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่า “นี่มัน copy เราไปชัดๆ”
แต่วิดิโอของคนอื่นกลับทำได้ดีกว่า
ทั้งเนื้อหา ทั้งภาพ ทั้งเสียง
สิ่งนี้ ก็ยิ่งจะทำให้เราท้อแท้มากยิ่งขึ้นไปอีก
พอกันที … การทำวิดิโอ
พอกันที … Content Marketing
พอกันที … การสร้างตัวตน
==============================
หากคุณกำลังมีปัญหาคล้ายๆ กันนี้
กรุณาอ่านเนื้อหาสั้นๆ นี้ให้จบ
ไม่เช่นนั้น ผมขอบอกตรงๆ ว่า “คุณกำลังพลาดมาก” ครับ
.
คลิปตัวแรกของผมที่ทำอย่างจริงจัง
และโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559
ถ่ายโดยไม่มีกล้อง ไม่มีไมค์ ไม่มีไฟ
ไม่มีแม้แต่คนสำเร็จท่านไหนมาเป็นต้นแบบให้ผมได้ศึกษา เรียนรู้ และเอาอย่าง
ผมมีแค่มือถือเครื่องเดียว
กับกองหนังสือที่ใช้เป็นขาตั้ง
ถ้าใครได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ
จะพบว่า
แสงตอนเริ่มคลิปกับแสงตอนจบคลิปมันไม่เท่ากัน
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่า ผมเริ่มถ่ายตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนกระทั่งถึงเกือบๆ 5 โมงเย็น
ซึ่งแสงมันเปลี่ยนไปเป็นคนละทิศ
ถ่ายเสร็จ ก็ใช่ว่างานจะเสร็จ
วันต่อมา ผมยังต้องใช้เวลาอีกทั้งวัน
เพื่อเรียนรู้วิธีการตัดต่อจาก youtube แบบทีละขั้นทีละตอน
จนคลิปที่อัดไว้เมื่อวาน ยาวนานหลายชั่วโมงนั้น
ถูกตัดเหลือเพียงแค่ 11 นาที
เหลือไว้แต่เนื้อๆ เน้นๆ ขายๆ สื่อสารได้ชัดๆ
.
แม้มันจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากสำหรับคลิปวิดิโอตัวแรก
แต่ผลลัพธ์ของมัน ก็ทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
เพราะคลิปนี้เพียงตัวเดียว
สามารถทำให้ผมปลดหนี้ในขณะนั้นได้
ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น!!!
และแม้จะทำคลิปวิดิโอลักษณะนี้อีก 4-5 ครั้ง
ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เคยลดลงเลย
ยิ่งเมื่อมาทำคลิปเล่าเรื่องแบบจริงจังเมื่อปลายปีที่แล้ว
โดยไม่ได้หวังผลจากคลิปที่ขายแบบตรงๆ
แต่หวังผลในการเผยแพร่เรื่องราวให้คนรับรู้มากขึ้น
ก็ปรากฏว่าได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในแง่ของจำนวนผู้ติดตามไม่ต่างกัน
ซึ่งโชคดีมากที่ในช่วงนั้น เฟสบุคมีนโยบายจ่ายเงินให้ content creator ที่ผลิตคลิปออกมาตรงตามหลักเกณฑ์พอดี
.
ทำให้การทำคลิปที่ต้องการเพียงแค่เพิ่มจำนวนผู้ชมสามารถสร้างรายได้ได้ไปในตัว
และเป็นรายได้ที่ไม่ได้น่าเกลียดเลย
การทำคลิปวิดิโอมาประมาณ 4 ปี
จึงทำให้พบว่า อะไรคือ “ปัจจัยสำคัญ” ของการทำคลิปวิดิโอที่หวังผลได้แบบชัดๆ ชัวร์ๆ
ไม่ว่าจะเป็นผลในเรื่องการขาย การสร้างตัวตน Content Marketing หรือเพื่อการอื่นก็ตาม
.
...ซึ่งไม่ใช่แค่นั้น...
จากการใช้คลิปวิดิโอเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารในโลกโซเชียลมาโดยตลอด
ทุกคลิปที่ทำ จึงไม่ได้ทำขึ้นมาเฉยๆ
แต่ทำโดยแฝงกลยุทธ์
มีการทดลอง และการทดสอบผลลัพธ์อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอนเทนต์ หัวข้อ ภาพ แสง สี เสียง อุปกรณ์ หรือองค์ประกอบอื่นๆ ก็ตาม
>>>> จนกระทั่งค้นพบ “สูตร” ที่ค่อนข้าง “ตายตัว” <<<<
ในการทำคลิปวิดิโอให้ง่ายที่สุด แต่ได้รับผลลัพธ์ที่ทรงพลังมากที่สุด
ไม่ว่าใครก็ตาม
ต่างสามารถใช้สูตรนี้ได้เหมือนกันหมด
หัวใจสำคัญทั้งหมดทั้งสิ้นของการทำคลิปวิดิโออย่างที่ว่านั้นก็คือ
การเข้าใจใน 3 สิ่งนี้
1.“Message”
2.“ความสนิทและจังหวะเวลาในการส่ง Message ระหว่างเรากับผู้ฟัง”
3.สำคัญที่สุด คือ “การสื่อสารที่เป็นตัวของตัวเองอย่างไร้ความกังวลใดๆ” (หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า การ Get Real)
.
VDO ที่ได้ผล
เป็นเรื่องของความเป็นตัวตนเนื้อแท้ในการส่งสารไปสู่คนที่ใช่ ในจังหวะเวลาที่ใช่ ล้วนๆ
ไม่ได้เกี่ยวกับรูปแบบ ความสวย ความเท่ หรือเอฟเฟคตระการตาแต่อย่างใดเลย
ซึ่งถ้าว่ากันด้วยเรื่องของการทำคลิปให้ดูดี ...
เทคโนโลยี ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นแอพ Kinemaster หรือ Tiktok
ต่างก็กำลังทำให้การสร้างวิดิโอที่ดูดี สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แล้ว
ง่ายขนาดที่ว่า อะไรก็ตามที่ผมเคยเข้าใจว่ามันง่ายมาก่อนหน้านั้น
กลับยิ่งโคตรง่ายขึ้นไปอีก
แอพตัดต่อในมือถือพวกนั้น
ทำให้การตัดต่อคลิปให้ดูดีกลายเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย
ง่ายอย่าไม่น่าให้อภัย!
สิ่งสำคัญจึงกลับมาที่สิ่งเดียวเท่านั้น คือ
“กลยุทธ์”
ขอย้ำอีกครั้งว่า
ไม่ว่าจะเป็น หัวข้อ ลำดับการโพสต์เนื้อหา
หรือแม้แต่ คำพูดบางคำที่เลือกมาใช้
ทุกอย่างคือ “สูตร”
ที่ถูกพิสูจน์มาแล้วว่ามันเวิร์ค
.
หลังจากผมนำเสนอกลยุทธ์หรือสูตรที่ว่านี้ให้เพื่อนที่เปิดเพจและพยายามทำคลิปให้ดี ได้ลองทำตามดู
ปรากฏว่า แต่ละคนก็ล้วนเกิดผลลัพธ์ไปในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด
เพจการศึกษาเพจหนึ่ง สามารถวางแผนคอนเทนต์ระยะยาวตลอด 1 ปีเต็มได้
และทันทีที่เริ่มปล่อยคลิปออกไป ก็เกิดยอดขายต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เพจความสัมพันธ์หนุ่มสาวเพจหนึ่ง ประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่ว่าทั้งใน Facebook , Youtube และ Tiktok
จนสามารถมีผู้ติดตามหลักแสนภายในเวลาไม่กี่เดือน และมีสปอนเซอร์เข้านับไม่ถ้วน
เพจอาหารอีกเพจ ที่เคยมีปัญหาเรื่องหัวข้อคลิป ค่อยๆ ทำตามสูตรที่ผมแนะนำไป
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ติดตามก็เพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ปัจจุบันเพจนี้กลายเป็นเพจและช่องที่หลายคนรู้จักดี
ฯลฯ
- พวกเขาไม่ต้องคิดหัวข้อเอง แค่เปลี่ยนคำบางคำจากสูตรการสร้างหัวข้อที่ผมแบ่งปันให้
- พวกเขาไม่ต้องสับสนกับลำดับการโพสต์เนื้อหาก่อนหลัง เพราะสูตรที่ผมให้ไป เรียงลำดับการสื่อสารไว้ตามกลยุทธ์ทั้งหมดแล้ว
- พวกเขาเพียงแค่ ....
ทำคลิปตามหัวข้อที่บอกไป โดยไม่กระโดดข้าม
เล่าเรื่องราวของตัวเองแบบเป็นตัวของตัวเอง (Get REAL)
และทำคลิปต่อเนื่อง จนครบจำนวนตามสูตร
เพียงเท่านี้
การทำคลิปของพวกเขาก็กลายเป็นเรื่องง่าย และหวังผลได้เสมอ
ไม่ว่าในช่วงที่ต้องการจะขาย ต้องการสร้างชื่อเสียง หรือแม้แต่ต้องการสร้างความเชื่อในเรื่องใดก็ตาม
.
แน่นอนครับ มีบ้าง บางเพจที่แนะนำไป ใช้สูตรนี้ไม่ได้ผล
และเพจที่ไม่ได้ผล ก็มีเหตุผลเดียว คือ “ไม่ได้ทำ”
พวกเขาเต็มไปด้วยข้ออ้างสารพัดเรื่อง
เพื่อที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องลงมือทำอะไรเพิ่มเติม
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ลงมือทำได้ง่ายแสนง่ายเบอร์ไหน
หรือเป็นสูตรที่ชัดเจนเพียงใดก็ตาม
==============================
ในขณะที่คนที่อยากเปิดเพจ เปิดช่อง สร้างคลิปวิดิโอ
ยังคงทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ ...
- มึนงงกับ “การค้นหาตัวเอง” ยังไม่รู้ว่าจะทำคลิปอะไร
- ขาดทักษะการใช้คำ ไม่รู้ว่าจะสร้างหัวข้อที่เตะตาแบบไหน
- ขาดความรู้ ไม่รู้ว่าจะสร้างคลิปที่เรียบง่าย แต่ได้ผลได้อย่างไร
- มีแต่ความกังวล เป็นห่วงความสวยงามของคลิป มากกว่าผลลัพธ์ของมัน
- เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำคอนเทนต์สะเปะสะ หาจุดยืนไม่ได้
ฯลฯ
แต่ถ้าท่านคือผู้ที่ ...
- ต้องการมีสื่อของตัวเองโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการคิดคอนเทนต์ การคิดหัวข้อ หรือแม้แต่การตัดต่อที่ยุ่งยากซับซ้อน
- ต้องการความได้เปรียบทางธุรกิจ ต้องการลูกค้าที่ใช่ และต้องการให้ลูกค้าวิ่งเข้าหามากกว่าที่จะวิ่งออกไปหาลูกค้าเอง
-ต้องการกลยุทธ์การสร้างคลิปวิดิโอที่หวังผลได้อย่างชัดเจน
ฯลฯ
ถ้าคำตอบทั้งหมดคือใช่ ท่านจะพลาดสิ่งนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด!
==============================
นี่คือคำเชิญอย่างเป็นทางการ
ให้ท่านเข้าร่วม "VDO zero to HERO : Get Real Challenge" ในครั้งนี้ครับ
ซึ่งท่านสามารถเข้าไปเรียนรู้กลยุทธ์การทำวิดิโอที่ผมเล่าให้ฟังไปทั้งหมดได้ทันที
โดยไม่ต้องรอเปิดคอร์สหรือรอไลฟ์สดเหมือนที่ผ่านมา
ทุกเนื้อหา สามารถเปิดดูได้ทันทีที่ท่านเข้าร่วม
และเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ตามต้องการ
Get Real Challenge ระยะเวลา 3 สัปดาห์
ออกแบบมาเพื่อให้ท่านทำวิดิโอเพียงวันละแค่ 1 คลิป
โดยที่ท่านไม่ต้องเหนื่อยคิดหัวข้อและเนื้อหาเอง
เพื่อให้ท่านลงมือทำได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
.
ในแต่ละวัน
ท่านจะได้รับกลยุทธ์ในการสร้างวิดิโอแต่ละตัว พร้อมคำอธิบายอย่างละเอียด
และสามารถสร้างวิดิโอได้ทันที
(โดยไม่สนใจเรื่องความเพอร์เฟคใดๆ)
ขอย้ำว่า กลยุทธ์นี้ถูกทดสอบมาตลอด 4 ปี
และสูตรนี้สามารถสร้างรายได้ได้อย่างงดงาม
ทั้งรายได้ทางอ้อม และรายได้จากคลิปวิดิโอโดยตรง ( Facebook และ Youtube จ่ายให้)
.
ตลอด 3 สัปดาห์ของคอร์สนี้
ท่านจะได้ลงมือทำและเข้าใจกลยุทธ์ทั้งหมดของการทำคลิป
เพื่อส่ง Massage ที่ถูกต้อง ให้ผู้ฟังที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ ทั้งหมด 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 - KWOW (7 บทเรียน)
- เปลี่ยนคนที่ยังไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าท่านคือใคร ให้มารู้จักด้วยวิดิโอที่ทรงพลัง
เน้นเนื้อหาบอกคุณค่า แสดงความชัดเจน แสดงตัวตน สร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
ช่วงที่ 2 - LIKE (7 บทเรียน)
- เปลี่ยนคนที่รู้จักแล้วให้เริ่มมีความรู้สึกเชิงบวกต่อท่าน ด้วยหัวข้อที่ตรึงใจ
เน้นสร้างความสนิทคุ้นเคย ไว้เนื้อเชื่อใจ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฟัง สร้างเผ่าสร้างพวกสร้างผู้ติดตามด้วยคอนเทนต์ที่ดึงดูดและเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ช่วงที่ 3 - TRUST&BUY (10 บทเรียน)
- เปลี่ยนคนที่มีความรู้สึกเชิงบวกให้กลายเป็นคนสนิท ด้วยศิลปะการเล่าเรื่องที่เขย่าความเชื่อและฝังกลบคำปฏิเสธทั้งปวง
เน้นสื่อสารกับผู้ฟังที่พร้อมซื้อ ไม่ว่าจะซื้อสินค้า หรือกำลังจะกลายเป็น Big Fan พร้อมที่สนับสนุนท่านหรือกิจกรรมของท่านหลังจากนี้
ซึ่งทันทีที่จบ Challenge นี้
ท่านจะมี … “คลิปวิดิโอที่ทรงประสิทธิภาพ 24 คลิป!” ทันที
- ล้วนแล้วแต่เป็นคลิปที่ท่านสร้างขึ้นมาเพียงวันละคลิป
- ล้วนแล้วแต่เป็นคลิปที่มีประสิทธิภาพสูง
- ล้วนแล้วแต่เป็นคลิปที่ส่ง Message ไปยังผู้ฟังของท่านอย่างถูกคนถูกที่ถูกเวลา
- ล้วนแล้วแต่เป็นคลิปที่หัวข้อและเนื้อความถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
และที่สำคัญที่สุด
- ล้วนแล้วแต่เป็นคลิปที่ GET REAL ท่านจะได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงที่สุด
แต่ละบทเรียนจะบอกสูตรและโครงสร้างของหัวข้อและเนื้อหาแบบตรงไปตรงมา
ท่านเพียงแต่เติมคำในช่องว่างเท่านั้น
หรืออาจนำตัวอย่างบางตัวอย่าง ไปใช้เป็นหัวข้อของท่านเองก็ได้ หากตัวอย่างนั้นตรงกับสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่
.
ไม่ใช่แค่บอกให้ลงมือทำโดยไม่มีเหตุผล!
แต่จิตวิทยาเบื้องหลังของคลิปทุกคลิป หัวข้อทุกหัวข้อ เนื้อหาทุกเนื้อหา
จะถูกอธิบายอย่างละเอียดในคอร์ส เพื่อให้ท่านเข้าใจกลยุทธ์ของแต่ละคลิปอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาพิเศษ อาทิ
- วิธีการตัดคลิปอย่างง่ายด้วยมือถือเครื่องเดียว แต่งานดี
- วิธีสร้างสรรค์หัวข้อด้วยถ้อยคำที่เพิ่มความเอ๊ะอ๊ะ
- วิธีทำเงินจากคลิปวิดิโอโดยตรง แม้ไม่ต้องขายอะไรเลย
- แพลตฟอร์มที่เหมาะกับผู้ฟังแต่ละแบบ
- วิธีเลือกเวลาโพสต์ให้คนดูเยอะๆ
ฯลฯ
เนื้อหาทั้งหมดนี้ ตามปกติแล้วหากเปิดเป็นสัมมนา 3 วัน 2 คืน (ไม่รวมเนื้อหาพิเศษ)
จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 34,500.-
(และอัดคลิปกันอย่างบ้าคลั่งถึงวันละ 8 คลิป)
แต่นี่คือคอร์สออนไลน์
ที่ท่านสามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้
เรียนเวลาใดก็ได้
และจะลองผิดลองถูก อัดคลิปกี่ครั้งก็ได้
นอกจากเนื้อหาพรีเมียมแล้ว
สิ่งที่ท่านจะได้รับทั้งหมดจากคอร์สนี้คือ
1.VDO zero to HERO : Get Real Challenge Online Course
เนื้อหาหลัก 24+ บทเรียน (ภาพและเสียง HD) รวมระยะเวลา 124 นาที
2.กลุ่มลับเฟสบุค VDO zero to HERO : Get Real Challenge
Community สำหรับสื่อสาร ถาม-ตอบปัญหา และส่งการบ้าน รวมถึงดำเนินกิจกรรมพิเศษอื่นๆ
3.Get Real Workbook
Workbook ที่ทำให้การเรียนออนไลน์กลายเป็นเรื่องง่ายและได้ผลลัพธ์
1+2+3 รวมมูลค่า 34,500.-
4.Tested&Perfect Hook 365
ตัวอย่างหัวข้อทรงพลังที่ใช้ได้ผลจำนวน 365 หัวข้อ เอาไปใช้ได้ทันที ไม่มีคำว่าคอนเทนต์ตัน แค่เปลี่ยนคำให้ตรงกับธุรกิจหรือสิ่งที่นำเสนอ
มูลค่า 1,950.-
5.Graduated Training
เนื้อหาวันสุดท้าย สรุปเชื่อมโยงทุกเนื้อหา บอกวิธีการนำสูตรไปใช้ให้ได้ผล สร้างระบบระยะยาวเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
มูลค่า 12,500.-
6.คอร์สตัดคลิป
เรียนรู้เทคนิคและวิธีการตัดคลิปอย่างง่าย เพื่อผลิตคอนเทนต์แบบ Get Real
มูลค่า 3,550.-
มูลค่ารวม 52,550.-
แต่ทั้งหมดนี้ พิเศษเพียง 24,500.- เท่านั้น!
ซึ่ง!!
ข่าวดียังไม่หมดแค่นี้
v
v
เนื่องในโอกาสพิเศษ เปิดตัว Capt.Benz Academy
ท่านที่สมัครภายใน 10 ธันวาคม 2563
จาก 24,500 เหลือเพียง 3,250.- เท่านั้น
และพิเศษยิ่งขึ้น!! สำหรับนักเรียนเก่าผู้กองเบนซ์ทุกคอร์ส ลดอีก 50% เหลือเพียง 1,625.- (ติดต่อในไลน์ไอดี @captbenzacademy)
.
ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ
v
สำหรับท่านที่เข้าร่วม VDO zero to HERO : Get Real Challenge
ในคอร์สจะมีการสุ่มจับรางวัลพิเศษอีก 3 ครั้ง!!
รางวัลที่ 1 : VDO HERO Private Session @Pai
เวิร์คชอปสร้างวิดิโอ แบบเจาะลึก 4 วัน 3 คืน
จัดที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดย ผู้กองเบนซ์
พร้อมอาหาร และที่พักรีสอร์ทหรู
- มูลค่า 245,000.-
รางวัลที่ 2 : Capt.Benz Consult (Zoomcall)
ปรึกษาส่วนตัวกับผู้กองเบนซ์ผ่าน Zoomcall
จำนวน 1 ครั้ง (1-2 ชั่วโมง)
- มูลค่า 65,000.-
รางวัลที่ 3 : บัตรเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ Video Selling Letter
ออกแบบสคริปท์วิดิโอขายแบบเจาะลึก
- มูลค่า 24,500.-
โดยผู้มีสิทธิเข้าชิงรางวัล คือผู้ที่มีคุณสมบัติเดียวเท่านั้นคือ
"ส่งคลิปครบ 24 ตัว!!!"
**Challenge รอบแรก เริ่มส่งคลิปแรกวันที่ 11 ธันวาคม 2563**
==============================
วิธีสมัคร
1. พิมพ์คำว่า "VDO" ส่งไปที่ไลน์ไอดี @ captbenzacademy
2. ชำระค่าลงทะเบียน 3,250.- (นักเรียนเก่าโปรดแจ้งแอดมิน)
3. ลงทะเบียนเข้าเรียน
4. เริ่มเรียนได้ทันที
.
หากเรียนจบแล้วลองทำตามดู แล้วไม่ชอบ ไม่โอเค ท่านสามารถขอเงินคืนได้เต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไข
ผมทำแบบนี้กับทุกคอร์ส เพราะมั่นใจในเนื้อหาที่ส่งมอบ
แม้จะได้รับคำเตือนจากพี่ๆ ในวงการว่า การทำแบบนี้มีโอกาสที่จะถูกโกงสูงมาก
อาจมีคนที่ลงทะเบียนเข้ามา แต่ไม่ได้เรียน ไม่ได้ลงมือทำ แล้วมาขอเงินคืนกันหน้าด้านๆ
หรืออาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาดูดคลิปหรืออัดหน้าจอเอาไปละเมิดลิขสิทธิ์ได้
แม้ผมจะรู้ดีว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นบ่อยๆ
ผมคงไม่สามารถทำคอร์สลักษณะนี้อีกต่อไปได้เช่นกัน
แต่ผมขอรับความเสี่ยงทุกประการไว้ที่ตัวผมเองครับ
เพราะจากสถิติ คนที่เข้ามาเรียนแล้วขอเงินคืนมีจำนวนน้อยมาก (ไม่ถึง 0.5%)
และเหตุผลส่วนใหญ่ที่ขอเงินคืนก็คือ ไม่ได้ลงมือทำตาม นั่นเอง
.
แล้วพบกันในคอร์สครับ
#ผู้กองเบนซ์
ปล. ย้ำอีกครั้งว่า เรียนแล้วไม่พอใจ คืนเงินให้ 100%
ท่านไม่มีความเสี่ยงใดๆ เลยครับ
การค้นหาตัวเอง คือ 在 Getupteacher - “ให้นักเรียนค้นหาอาชีพสิ่งใช่ ทำในสิ่งที่ชอบ ... 的推薦與評價
หรือการหาค่าตอบแทนที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพตัวเองหรือค นในครอบครัว ครูจะช่วย ... การพัฒนาความเป็นมนุษย์มีหัวใจสำคัญคือการสนับสนุนการ เติบโตจากภายใน สิ่งนี้ ... ... <看更多>
การค้นหาตัวเอง คือ 在 ค้นหาตัวเองเจอรึยัง ถ้าไม่เจอ เราจะค้นหาตัวเองอย่างไร - YouTube 的推薦與評價
... ตัวเองจากการตั้งคำถาม พี่เหม็ง สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ CEO KT Venture Capital, KTB https://youtu.be/J3LntEWh1vs . อุปสรรคของ การค้นหาตัวเอง ครู ... ... <看更多>