關於 หนังโปรดของข้าพเจ้า ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

John Wick: Chapter 3 - Parabellum (8/10)
เดือดจริงอะไรจริง นี่คือหนังจอห์น วิค แบบที่เราอยากเห็นแล้วได้เห็นสักที คือไม่ได้สนใจโลกนักฆ่าหรือเนื้อหาอะไรมันเท่าไร พอโทนมันมาแบบบู๊หนักจัดเต็มทั้งเรื่องเลยโอเคมาก จะใช้ปืนรัวกระสุนไม่ยั้ง หรืออัดกันระยะประชิดข้าวของพังไปข้างก็ช่าง เพราะสองภาคก่อนบิ๊วมาเยอะแล้วทั้งเรื่องความโหดของเฮียวิค เรื่องกฎ/พันธะที่เซ็ตเป็นโลกมือสังหารขึ้นมา พอภาคนี้เลยไม่ต้องปูพื้นอะไรเยอะ เซ็ตโครงเรื่องหลวม ๆ พอให้มีแรงจูงใจต่อยตีกันสักหน่อย มาถึงก็ไล่ล่าอัดกันเต็ม ๆ ไปเลย ซึ่งก็เหมือนจะถึงเวลาของลูกพี่ แชด สตาเฮลสกี ได้ปล่อยของโชว์งานสตั๊นท์เต็มพิกัดสักที จัดให้ประมาณ 8-9 ฉากใหญ่ ๆ ที่ออกแบบมาดีบ้าง พอใช้บ้าง แต่ทุกฉากคือ non-stop แบบประเคนให้จนอิ่มจริง หมานี่มีบทบาทจนกลายเป็น the best ของหนังไปเลย ไม่เคยเห็นหนังแอ็คชั่นเรื่องไหนเอาหมามาใช้จู่โจมบู๊หนักขนาดนี้ อีกอย่างคือภาคนี้โหดขึ้นเยอะจนกลายเป็นเรท R ไปเลย
-------------------------------

เนื้อเรื่องต่อจากตอนจบภาคสอง มาถึง 'จอห์น วิค' (Keanu Reeves) ก็เหลือเวลาหลบหนีประมาณชั่วโมงนึงซึ่งในสภาพเป็นแผลจากการต่อสู้มาก็ไปไหนได้ไม่ไกลหรอก ดังนั้นเฮียวิคจึงต้องเจอบรรดานักฆ่าล่าค่าหัวออกตามสังหารแบบไม่ให้พักหายใจหายคอเลยทีเดียว แต่สุดท้ายสไตล์เฮียวิคก็หนีรอดไปขอความช่วยเหลือจาก 'โซเฟีย' (Halle Berry) ที่คาซาบลังกาได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าการไปคาซาบลังกาครั้งนี้จะพาหนังเดือดขึ้นอีกเลเวล เพราะสภาก็เตรียมมือสังหารออกลงโทษคนที่ให้ความช่วยเหลือจอห์น วิค อยู่เช่นกัน
.
อย่างแรกที่ชอบเลยคือแอ็คชั่นในนิวยอร์คตอนต้นเรื่องนั้นไม่จำเจด้วยโลเคชั่น การอัดฉากแอ็คชั่นจากกลุ่มนักฆ่าเข้ามารัว ๆ มีความเสี่ยงจะทำให้คนดูส่ายหน้าได้เหมือนกันเพราะมันจะมีฟีลของความเยอะเกินไป แต่หนังหลบหลีกความเสี่ยงนั้นด้วยการใช้โลเคชั่นให้เป็นประโยชน์ คนดูจะได้เห็นจอห์น วิค ประยุกต์ของรอบตัวในโลเคชั่นนั้นทุ่นแรงตัวเอง สู้ในห้องสมุดก็ใช้สมุดเล่มหนาอัดให้หนัก, เข้าดงเก็บอาวุธก็เปิดคลังมีดมาเขวี้ยงกันเป็นเด็กปาหมอนเลย, หรือเข้าไปคอกม้าก็ใช้แรงของม้าทุ่นแรงตัวเองด้วย, กระทั่งฉากขี่ม้าที่เห็นรูปโปรโมทก็ทำออกมาเจ๋ง แล้วทุกฉากดีงามอย่างหนึ่งคือแทบจะเป็น long shot ตัดต่อให้น้อยที่สุด ซึ่งหนังแอ็คชั่นห่วย ๆ ในสายตาเราคือหนังที่ตัดต่อฉากต่อสู้รัว ๆ เพื่อกลบความไม่เนียนและความอ่อนด้อยของคิวบู๊ แต่ไม่ใช่กับ John Wick ที่โชว์ลีลาให้เห็นกันยาว ๆ จนรู้สึกตื่นเต้นลุ้นตามนั่งไม่ติด แค่หามุมกล้องฉลาดหน่อย เคลื่อนกล้องเข้ากับการวางคิวสตั๊นท์อย่างแม่นยำก็ทำให้ฉากต่อสู้มันเจ๋งแล้ว
.
ฉากต่อสู้ที่คาซาบลังกาจะเป็นการเริ่มต้นเปิดโหมด Gun-Fu รัวกระสุนสู้กับพวกลูกกระจ๊อก ความพิเศษคือจะได้เห็นน้องหมา (เรียกน้องจะน่ารักไปไหม) ออกบู๊จู่โจมเสมือนเป็นอาวุธและเป็นหูเป็นตาให้สองตัวเอกตลอดเวลา ตอนแรกคิดว่าคงเอามาประดับเป็นน้ำจิ้มเฉย ๆ ที่ไหนได้หนังเอาหมามาใช้จริงจังแบบฝึกมาป้องกันเจ้าของในโลกนักฆ่าโดยเฉพาะ เจ๋งมาก มันมีซีนชวนทึ่งอยู่ว่าของจริงหมาจะทำแบบนั้นได้เหรอ แต่คิดว่าถ้าหนังกล้าโชว์ก็คงทำได้แหละ ฮ่าๆๆ หายากที่จะมีหนังแอ็คชั่นเอาหมามาใช้ได้ระดับนี้เพราะไม่ค่อยมีพล็อตไหนเลี้ยงหมาและเป็นเรื่องของหมาแบบ John Wick ที่ตลกอีกอย่างคือหนังดูจะรู้ตัวว่าโดนแซวเรื่องหมาเยอะก็หยิบมาขยี้เองเลย ฮ่าๆๆ
.
ช่วงท้ายก็สไตล์งานขายตัวบอสตามเดิม ซึ่งหนังก็ปูความเก่งกาจของฝั่งศัตรูมาบ้างแล้ว สู้กันยาวและหนักดี ถึงจะรู้สึกว่าพวกพี่ถึกเกินคนกันพอสมควร ชอบพี่ Mad Dog จริง ๆ แก๊งศัตรูเฮียวิครอบนี้เหมือนจะเป็นเอเชียล้วน โชว์ศิลปะการต่อสู้ของชาติตัวเองกันเต็มที่ มีคั่นด้วยฉาก Gun-Fu ซึ่งไม่เชิงว่าเจ๋งเพราะมันดูเป็นอีกเลเวลที่หนังอยากจะรัวกระสุน อย่างที่รู้กันว่าโลกนักฆ่ามีเซ็ตเรื่องเกราะกันกระสุนมาบ้างแล้ว แต่เหมือนรอบนี้จะพัฒนาอีกขั้น ยิงหัวไม่ได้ง่าย ๆ เพราะมีหมวกกันน็อคแข็งเป๊ก ทางเดียวคือต้องยิงตรงคอระยะประชิด หนังเลยดูเป็นช่วงบ้าคลั่งยิงดับเบิ้ลเข้าลำตัวแล้วซ้ำหัวไม่ตายละ ต้องยิงเป็นชุดเลย มีฉากมอเตอร์ไซค์ที่เห็นตัวอย่างก็คิดว่าแรงบันดาลใจจาก The Villainess ของเกาหลีใต้แน่นอน พอดูฉากเต็มก็ชัดเลย มุมกล้องเป๊ะ เทคนิคการถ่ายแบบเดียวกันเป๊ะ ไม่ได้ว่าอะไรนะแต่เชียร์ให้หาดูต้นตำรับที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วย ของดีเหมือนกัน
.
.
.
.
ดูแบบพากย์ไทยหรือซับไทยได้เลยใน trueID+: https://movie.trueid.net/th-th/movie/VlZ0j06Q4JbD
.
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์จากทุกค่ายได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
เลือกดูหนังใน Netflix: https://bit.ly/3Er394r
เลือกดูหนังใน Disney+ Hotstar: https://bit.ly/3tO04q2
อัลบั้มดูหนังอยู่บ้านจากสตรีมมิ่งต่าง ๆ: https://bit.ly/3zljhAs
อ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb

#หนังโปรดของข้าพเจ้า

The Girl Next Door (7/10)
ค่อนข้างเซอไพรส์เหมือนกันแฮะ จริง ๆ มันก็เล่าเรื่องตามสูตรหนังรอมคอมทั้งหลายทั้งปวงน่ะแหละ แต่ลูกเล่นลีลาการเขียนบทมันดูเหนือชั้นขึ้นมาอีกระดับนึงซึ่งทำให้หนังสนุกมาก และความโดดเด่นอีกอย่างคือมันเป็นหนังรักไฮสคูลที่เล่นกับเรท R ได้โจ่งแจ้งด้วยการเขียนพล็อตให้ตัวเอกตกหลุมรักสาวข้างบ้านที่เป็นนางเอกหนังโป๊ แต่หนังไม่ได้ออกทะเลไปทะลึ่งตึงตังขนาดนั้น กลับกลายเป็นว่าพล็อตความรักสวีทหวานและเล่าภารกิจพล็อตรองเกี่ยวกับการถ่ายคลิปดาราหนังโป๊ได้สนุก
-------------------------------

'แมทธิว' (Emile Hirsch) เด็กเรียนที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงเหมือนคนอื่น ๆ เริ่มได้สร้างเรื่องห่าม ๆ ให้ตัวเองเมื่อได้พบกับ 'แดเนียล' (Elisha Cuthbert) เพื่อนบ้านคนใหม่ แต่แล้วเขาได้พบความจริงว่าเธอเป็นนางเอกหนังโป๊ เขาไม่รู้จะปฏิบัติต่อเธออย่างไรและเรื่องเริ่มแย่ลงไปอีกเมื่อ 'เคลลี่' (Timothy Olyphant) โปรดิวเซอร์หนังโป๊อยากได้เธอกลับไปแสดงหนัง
.
หนังเล่าเรื่องได้สนุกมาก เป็นหนังวัยรุ่นเรท R ที่แทรกฉากโป๊เปลือยเป็นระยะแต่กลับไม่มีฉาก sex เลย แล้วบทหนังจัดว่าดีงามสำหรับหนังรอมคอมไฮสคูลสักเรื่องหนึ่งเลยด้วย มันเริ่มต้นจากการให้ตัวเอกสาละวนอยู่กับการหาคำตอบว่า 'การยึดมั่นความถูกต้อง' คืออะไร และการหาคำตอบว่าเรื่องห่ามสุดที่ตัวเองเคยทำคือเรื่องไหน โดยบทหนังสามารถคลี่คลายปมทั้งสองอย่างได้ดีด้วยการประเคนเรื่องห่ามสุดเหวี่ยงเท่าที่เด็กวัยรุ่นชายคนนึงจะได้เผชิญ และสำรวจการต่อสู้เพื่อให้หญิงสาวคนนึงหลุดพ้นจากการเป็นดาราหนังโป๊ ซึ่งระหว่างทางที่ช่วยเหลือเธออาจจะมีเรื่องสกปรกบ้าง แต่ท้ายที่สุดผลลัพธ์มันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าความถูกต้องก็เป็นได้
.
นอกจากนี้การถ่ายคลิปงานพร็อมช่วงท้ายของหนังยังค่อนข้างเซอไพรส์พอสมควร เรียกว่า Not Another Teen Rate R Movies เลยละกัน มันเหมือนจะจบลงแบบธรรมดาทั่วไปแต่พอหนังบิดมุมเพียงนิดเดียว ฉากดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำสำหรับหนังวัยรุ่นโป๊เปลือยสักเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ค่อนข้างประทับใจเพราะบทหนังมันหยอดอะไรตรงนู้นตรงนี้ที่ดูเหมือนไม่มีความหมายไว้ตลอดทาง แต่พอเดินเรื่องไปถึงจุดหนึ่งเมื่อหยิบสิ่งดังกล่าวกลับมาใช้ก็พบว่ามันเป็นการดึงสิ่งที่เคยเล่ามาใช้ประโยชน์ได้น่าสนใจดี
.
.
.
.
ดูแบบซับไทยได้เลยใน Netflix: https://www.netflix.com/title/60033326
.
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์จากทุกค่ายได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
อ่านเกร็ดหนังคั่นเวลา: http://bit.ly/2QMsEVV
หรืออยากอ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb

#หนังโปรดของข้าพเจ้า

Mother (9/10)
ผ่านมาหลายปีก็ยังคงยกให้เรื่องนี้เป็นหนังเกาหลีใต้อันดับ 1 ของเพจหนังโปรดฯ เป็นหนังของบอง จุนโฮ ผู้กำกับ Parasite และ Memories of Murder นั่นแหละ
-------------------------------

‘ดูจุน’ (Bin Won) หนุ่มปัญญาอ่อนถูกจับในข้อหาฆาตกรรม หลักฐานบ่งชี้ว่าเขาต้องสงสัยว่าจะเป็นฆาตกร เมื่อเขาโดนล่อลวงให้เซ็นรับสารภาพผิด ทำให้ ‘แม่’ (Hye-ja Kim) ผู้ซึ่งเชื่อว่าลูกชายของเธอบริสุทธิ์ต้องลงมือสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนเกิดเหตุ
.
ความดีความชอบประการแรกขอยกนิ้วให้การสืบสวน หนังมีจุดขายที่ตัวละครนำเป็นป้าแก่ ๆ ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกชายคนเดียว แล้วแม่คนนี้ก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่ต้องการหาทางให้ลูกชายพ้นโทษด้วยการหาฆาตกรตัวจริง การสืบสวนก็จะให้ลักษณะของคนธรรมดามีผิดมีพลาด จะฟังคำบอกเล่าของจำเลยก็ยากอีกเพราะลูกชายตัวเองเป็นเด็กปัญญาอ่อน หลง ๆ ลืม ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ แถมยังจำผิด ๆ ถูก ๆ ชอบตอนเฉลยที่จับต้นชนปลายเข้าหากันได้ดีด้วย
.
อีกประการที่ทำให้ชอบ Mother ก็คือความเชื่อมโยง แต่ละฉากในหนังล้วนมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องในอีกช่วงเวลา หลายฉากที่เราเคยติดใจว่าจะใส่เข้ามาทำไม มันกลับกลายเป็นความดีของหนังที่ได้บอกเล่าสิ่งเหล่านี้มาแล้วโดยที่เราไม่ได้สนใจ ชอบความเชื่อมโยงในหนังเรื่องนี้มาก ๆ และด้วยความที่ชอบหนังฟิล์มนัวร์ ชอบด้านสีเทาที่ไม่ขาวแบบดีเลิศ แต่ก็ไม่ได้ชั่วร้ายแบบไม่มีเหตุผล ทุกอย่างมันมีตรงกลางสีเทา ๆ ที่ทุกคนต้องปกปิดด้านมืดของตัวเอง ซึ่งตัวละครตามแบบหนังสืบสวนฟิล์มนัวร์มันเป็นแกนหลักของหนังเรื่องนี้เลย ขาข้างหนึ่งของทุกคนล้วนอยู่ในด้านมืดที่ไม่อยากให้สังคมรับรู้ และความเป็นฟิล์มนัวร์เนี่ยแหละที่ช่วยผลักให้ส่วนการสืบสวนออกมายอดเยี่ยมมาก ๆ
.
หัวอกคนเป็นแม่อย่างไรก็รักลูก แต่ความรักของแม่ใน Mother มันกลับเคลือบแคลงน่าสงสัยว่าจะมีอะไรเกินเลยกว่าความเป็นแม่ลูก หลายต่อหลายฉากที่ชวนให้สะอึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้ ซึ่งเราชอบช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้มาก มันไต่ระดับความพีคของไคลแม็กซ์ให้พุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยที่ยังคงรักษาโทนหนังทั้งความเป็นฟิล์มนัวร์ดราม่าและความเข้มข้นของการสืบสวน และบอกเลยว่าการแสดงของ Hye-ja Kim เรื่องนี้สามารถมีชื่อเข้าชิงออสการ์การแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายหญิงได้สบาย ๆ บทส่งให้ได้แสดงอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งใจสลาย ทั้งตื่นเต้นที่ตัวเองไขปริศนาได้ สีหน้าผิดหวัง สายตาแห่งรัก ทุกฉากของเธอเล่นได้ดีมากจริง ๆ
.
.
.
.
ดูแบบพากย์ไทยหรือซับไทยได้เลยใน trueID+: https://movie.trueid.net/th-th/movie/N91ojeRQlBw7
.
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์จากทุกค่ายได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
เลือกดูหนังใน Netflix: https://bit.ly/3Er394r
เลือกดูหนังใน Disney+ Hotstar: https://bit.ly/3tO04q2
อัลบั้มดูหนังอยู่บ้านจากสตรีมมิ่งต่าง ๆ: https://bit.ly/3zljhAs
อ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb

#หนังโปรดของข้าพเจ้า

20 หนังแฟนตาซีแนวเทพนิยาย By @มะ
1. Beauty and the beast [2017]
2. Snow white and the huntsman [2012]
3. The huntsman :winter’s war [2016]
4. Mirror Mirror [2012]
5. Snow White: The Fairest of Them All (2001)
6. Snow Queen [2002]
7. Maleficent [2014]
8. Into the wood [2014]
9. Red Riding Hood [2014]
10. Ever After [1998]
11. Cinderella [2015]
12. Ella Enchanted [2004]
13. The Brother’s Grimm [2012]
14. Oz the Great and Powerful [2013]
15. Alice in Wonderland [2010]
16. Pan [2015]
17. Enchanted [2007]
18. Hook [1991]
19. Jack the Giant Slayer [2013]
20. Once Upon a time [2011] Serie