Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ไม่ได้รวยจาก Twitter /โดย ลงทุนแมน
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ “Jack Dorsey” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Twitter
โดยปัจจุบัน เขายังคงดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทแห่งนี้
Twitter ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อปี 2013 ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้ Dorsey ก้าวขึ้นมาเป็น Billionaire หรือเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้เป็นครั้งแรก
ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน Dorsey มีทรัพย์สินกว่า 458,000 ล้านบาท ซึ่งหลายคนก็น่าจะคิดว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขามาจากบริษัท Twitter
แต่ข้อเท็จจริง กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น..
เพราะจริง ๆ แล้ว Dorsey มีทรัพย์สินจากการถือหุ้น Twitter เพียง 37,000 ล้านบาท หรือราว 8% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี ส่วนความมั่งคั่งอีกกว่า 419,000 ล้านบาท มาจากมูลค่าหุ้นของอีกบริษัทหนึ่ง
ซึ่งเขาก็เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO เช่นกัน โดยบริษัทนั้น มีชื่อว่า “Square”
ทำไม Dorsey ถึงได้ก่อตั้งอีกบริษัทหนึ่งที่ทำให้เขามีความมั่งคั่งมากขึ้น
แล้ว Square ทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Twitter เปิดตัวในปี 2006 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คน นั่นก็คือ Jack Dorsey, Evan Williams, Biz Stone และ Noah Glass ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็น CEO คนแรกของบริษัท ก็คือ Dorsey
แต่ในปี 2008 Williams และกรรมการบริหารได้ร่วมกันบังคับให้ Dorsey ออกจากตำแหน่ง CEO ด้วยเหตุผลที่ว่า Dorsey ทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นประธานแทน ซึ่งตำแหน่งนี้ทำให้เขาไม่มีอำนาจในการบริหารงาน
ในขณะที่คนที่รับตำแหน่ง CEO แทน Dorsey ก็คือ Williams
แต่สุดท้ายแล้วในปี 2010 Williams ก็ถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งเหมือนกัน
1 ปีหลังจากนั้น Dorsey จึงได้กลับมามีบทบาทที่ Twitter อีกครั้ง โดยการรับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารที่ดูแลด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในปี 2015
แล้วในช่วงที่ Dorsey ไม่ได้บริหารงานที่ Twitter เขาทำอะไร ?
วันหนึ่งในช่วงต้นปี 2009 หลังจากที่ Dorsey เพิ่งโดนบังคับให้ออกจากการเป็น CEO บริษัท Twitter ได้ไม่นาน เพื่อนของเขาที่ชื่อ Jim McKelvey ก็ได้โทรศัพท์มาหา
McKelvey เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นศิลปินเป่าแก้ว ที่เปิดสตูดิโอเครื่องแก้วไปด้วย
McKelvey โทรศัพท์หา Dorsey เพื่อเล่าว่าเขาเพิ่งหัวเสียจากการพลาดโอกาสขายเครื่องแก้วมูลค่า 66,000 บาท เพราะลูกค้ามีแต่บัตรเครดิต แต่เขาไม่มีเครื่องรูดบัตรเครดิต
ทั้ง Dorsey และ McKelvey กำลังคุยโทรศัพท์กันด้วย iPhone และก็เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมี iPhone พกติดตัวตลอดเวลา Dorsey เลยเกิดไอเดียว่าทำไมเราไม่ทำให้ iPhone กลายเป็นอุปกรณ์ใช้รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
Dorsey และ McKelvey ที่เคยคุยกันมาสักพักแล้วว่าอยากหาโอกาสทำโปรเจกต์เจ๋ง ๆ ด้วยกัน
พวกเขาจึงได้ตกลงต่อยอดไอเดียนี้ร่วมกันทันที
ผ่านไปเพียง 1 เดือน ทั้ง Dorsey และ McKelvey ก็สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้เป็นเครื่องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
สิ่งที่พวกเขาสร้างมี 2 ส่วน อย่างแรกก็คืออุปกรณ์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ที่มีแจ็กเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนทางรูเสียบหูฟัง ซึ่งใช้สำหรับรูดบัตรเครดิต
อย่างที่สองก็คือ แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ที่ใช้เป็นระบบรับชำระเงิน ซึ่งการเซ็นชื่อจะใช้นิ้วมือเขียนบนหน้าจอสมาร์ตโฟนได้เลย ส่วนใบเสร็จจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งเข้าไปที่อีเมล
พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อบริษัท ตามรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสของอุปกรณ์ที่ใช้รูดบัตร ชื่อว่า “Square”
Square สามารถระดมทุนในรอบแรกได้ 330 ล้านบาท จากนักลงทุน เช่น
- Biz Stone ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter
- Marissa Mayer ที่เป็นอดีต CEO ของ Yahoo!
- Shawn Fanning ผู้ร่วมก่อตั้ง Napster
หลังจากนั้น Square ก็ได้เปิดตัวในปี 2010 โดยเริ่มจากการขายผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง และบริการจัดส่งสินค้าให้ฟรี
จุดเด่นของ Square ก็คือ เมื่อสมาร์ตโฟนใช้เป็นเครื่องรูดบัตรเครดิตได้ ก็ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่แม้จะเป็นเพียงรถเข็นขายไอศกรีมหรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด ก็สามารถรับบัตรเครดิตได้ เช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ Square คิดค่าธรรมเนียมร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ต่ำกว่าเครื่องรับบัตรเครดิตจากสถาบันการเงิน นั่นจึงทำให้ร้านค้าขนาดเล็กที่เคยลังเลกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการรับบัตร หันมาเลือกใช้ Square
ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ก็ได้ทำให้ Square ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่ถึงปี Square สามารถขายอุปกรณ์รูดบัตรเครดิตไปได้กว่า 50,000 ชิ้น
ความสำเร็จนี้ ก็ทำให้ Square ได้รับเงินลงทุนจนสามารถเป็นยูนิคอร์นสตาร์ตอัป หรือบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้ในปี 2011 หรือหลังจากเริ่มขายสินค้าเพียงปีเดียว
แต่ความนิยมของ Square ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในกลุ่มเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น
เพราะกลายเป็นว่าธุรกิจขนาดใหญ่ก็หันมาใช้ระบบรับบัตรเครดิตของ Square เช่นกัน
ในปี 2013 Square จึงได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์สำหรับร้านค้า โดยใช้ชื่อว่า Square Stand
ที่เป็นการเปลี่ยน iPad ให้เป็นเครื่องรับชำระเงินตามร้านค้าหรือที่เรียกว่า “POS”
โดย Square Stand เป็น POS ที่ใช้รูดบัตรเครดิตได้ในตัว ไม่ต้องซื้อเครื่องรูดบัตรเครดิตแยก
และสิ่งที่ทำให้ Square Stand ได้รับความนิยมสูงมาก ก็คือซอฟต์แวร์ที่มากับเครื่อง POS
POS ของ Square มีระบบที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นต่อร้านค้า เช่น ผลกำไรขาดทุน ประเภทสินค้าที่ขายดี และข้อมูลทางสถิติอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ร้านค้า สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจตัวเอง ในมุมมองที่กว้างขึ้นและสามารถปรับตัวได้เร็ว
เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำให้ Square มีฐานลูกค้าตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก อย่างเช่น คีออสก์ขายกาแฟ ไปจนถึงเชนร้านกาแฟที่ใหญ่สุดในโลกอย่าง Starbucks
อีกบริการที่มีส่วนสำคัญกับรายได้ของ Square ก็คือ Square Capital หรือการปล่อยสินเชื่อก้อนเล็ก ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก
โดย Square เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ แต่ Square จะประเมินการให้สินเชื่อด้วยข้อมูลยอดขายจาก POS ของร้านค้าที่ใช้ Square Stand กับโมเดล AI ที่บริษัทพัฒนาเอง
นอกจากนั้น Square ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายคืนหนี้ให้กับร้านค้า โดยอิงกับยอดการรูดบัตรเครดิตผ่าน Square Stand นั่นคือถ้ายอดขายดี ก็จะให้ร้านค้าจ่ายคืนหนี้จำนวนมากขึ้น ถ้ายอดขายลดลงก็จ่ายคืนหนี้น้อยลงได้ตาม
ทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ Square เป็นระบบนิเวศที่มีบริการครอบคลุมความต้องการของร้านค้าอย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากจะทำให้ Square ได้รับความนิยมมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ร้านค้าที่คิดจะเปลี่ยนบริการจาก Square ไปใช้เจ้าอื่นก็ทำได้ยากขึ้นด้วย
นอกเหนือจากระบบรับชำระเงินของร้านค้าแล้ว Square ยังได้ต่อยอดไปทำแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Cash App” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนกว่า 30 ล้านคน
โดย Cash App เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ให้ผู้ใช้งานผูกบัญชีส่วนตัวเข้ากับบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ชำระเงิน โอนเงิน หรือจ่ายบิลได้
ซึ่งลูกค้าที่ใช้ Cash App ชำระสินค้าผ่านร้านที่ใช้ POS ของ Square ก็จะมี Reward ให้ด้วย
รวมถึงผู้ใช้งาน Cash App ยังได้บัตรเดบิตที่เรียกว่า Cash Card ไปใช้ฟรีด้วย
ธุรกรรมที่ทำผ่าน Cash App เกือบทั้งหมดจะให้บริการฟรี แต่จะคิดค่าธรรมเนียมบางกรณี อย่างเช่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้าที่รับชำระด้วย Cash Card หรือค่าธรรมเนียมฝากถอนโอนเงินแบบด่วน
นอกจากนี้ Cash App ยังได้เริ่มให้บริการเกี่ยวกับการลงทุน โดยให้บริการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีได้แล้วด้วย
ในปี 2015 หลังจากที่ Dorsey กลับไปเป็น CEO ของ Twitter ได้ไม่นาน Square ก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งจนถึงปัจจุบันราคาหุ้น Square ก็เพิ่มขึ้นมากว่า 27 เท่า
นั่นจึงทำให้มูลค่าหุ้น Square ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 419,000 ล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นเกือบทั้งหมดของมูลค่าทรัพย์สินที่ Dorsey มีกว่า 458,000 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าหุ้นของ Twitter ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 37,000 ล้านบาท
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ก็อาจทำให้เราคิดได้ว่า
ในวันที่เราถูกบังคับให้ออกจากสิ่งที่เราคิดว่าดี
แต่ในความเป็นจริง เราอาจพบกับสิ่งที่ดีกว่าหลังจากนั้นก็ได้
เหมือนกรณี Dorsey ที่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขาในวันนี้ มาจากบริษัทชื่อ Square ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมา หลังจากที่ Dorsey โดนบีบให้ออกจากบริษัท Twitter ในวันนั้น นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2019/10/10/how-square-became-26-billion-dollar-company.html
-https://www.businessinsider.com/fabulous-life-of-billionaire-jack-dorsey-taking-square-public
-https://www.businessinsider.com/how-jack-dorsey-came-to-invent-square-and-twitter-2012-9
-https://www.fool.com/investing/2018/11/21/square-stock-history-a-complete-timeline.aspx
-https://sec.report/Document/0001140361-21-014943/
-https://sec.report/Document/0001140361-21-012582/
-https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1418091/000119312513390321/d564001ds1.htm
-https://www.forbes.com/profile/jack-dorsey/?sh=570cdf2b2372
-https://finance.yahoo.com/news/rich-twitter-ceo-jack-dorsey-172600709.html
-https://squareup.com/us/en/about
同時也有290部Youtube影片,追蹤數超過21萬的網紅Xiaofei小飛,也在其Youtube影片中提到,🗺 跟著小飛玩(更多景點) https://68maps.com/places/tw 台灣很大~ 山脈的迷人特徵之一是它們的行為類似於分形。 當您放大時,要素的複雜性仍然存在,顯示出層層疊疊的山谷、河流和山脊線。 景觀呈現出另一個尺寸大小,因為海拔變得與經度和緯度一樣重要。 探索這些深邃的峽谷和...
history website 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม สิงคโปร์ จึงเป็นประเทศแห่ง บริการทางการเงิน ? /โดย ลงทุนแมน
ประเทศเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีประชากรเพียงราว ๆ 5.7 ล้านคน
แต่สามารถส่งออกบริการด้านการเงินมากเป็นอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย
คิดเป็นมูลค่าถึง 1,210,000 ล้านบาท ในปี 2019
จากการจัดอันดับเมืองศูนย์กลางการเงินโลกของ Long Finance ประจำปี 2021
สิงคโปร์คือศูนย์กลางการเงินอันดับ 5
เป็นรองเพียงนิวยอร์ก กรุงลอนดอน และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นมหานครหลักของประเทศมหาอำนาจ
กับฮ่องกง ที่เป็นเมืองเชื่อมต่อธุรกิจระหว่างโลกกับจีนแผ่นดินใหญ่
สำหรับประเทศเกาะเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้งในปี 1965 และแทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย
แม้แต่น้ำจืดก็ยังขาดแคลนจนต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
แต่สามารถเติบโตจนแซงหน้ามหานครในหลายประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่า
และก้าวขึ้นมาอยู่ระดับแถวหน้าของโลกได้ภายในเวลาไม่ถึง 50 ปี..
ความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ มีเส้นทางเป็นอย่างไร ?
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สิงคโปร์ จึงเป็นประเทศแห่ง บริการทางการเงิน ?
ถึงแม้ประเทศจะมีขนาดเล็ก ไม่ค่อยเหมาะสมกับการเพาะปลูก และแทบไม่มีทรัพยากรอะไรเลย
แต่เกาะสิงคโปร์ยังมีความโชคดีอยู่ประการหนึ่ง คือ
“ทำเลที่ตั้งที่อยู่ปลายสุดของคาบสมุทรมลายู”
ทำเลนี้เป็นจุดสำคัญของเส้นทางเดินเรือ ที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออก กับอินเดียและยุโรป
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 อังกฤษรวบรวมดินแดนแถบนี้และเรียกว่า “อาณานิคมช่องแคบ”
สิงคโปร์จึงถูกวางให้เป็นเมืองท่าสำคัญของบริษัท บริติช อีสต์ อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทที่เดินเรือทำการค้าขายระหว่างยุโรป กับอินเดียและโลกตะวันออก
ต่อมาเมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เกิดอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องที่ได้รับความนิยมสูงในยุโรป แร่ธาตุที่จะนำมาทำกระป๋องก็คือ ดีบุก ซึ่งพบมากแถบคาบสมุทรมลายู เมืองท่าสิงคโปร์จึงถูกพัฒนาให้เป็นตลาดค้าดีบุกที่สำคัญของโลก
นอกจากดีบุกแล้ว การนำยางพาราเข้ามาปลูกในแถบมลายูในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ก็ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางของตลาดประมูลยางพาราอีกหนึ่งตำแหน่ง
การเป็นทั้งเมืองท่า เป็นศูนย์กลางการค้าดีบุกและยางพารา ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศในสิงคโปร์คึกคัก ดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาเปิดกิจการธนาคาร
ธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่เข้ามาเปิดทำการในสิงคโปร์ คือ The Union Bank of Calcutta
เปิดในปี 1840 มีการจัดตั้งสกุลเงินประจำอาณานิคมช่องแคบ คือ Straits Dollar ในปี 1845
ส่วนธนาคารแห่งแรกที่ก่อตั้งในสิงคโปร์ ก่อตั้งโดยชาวจีนโพ้นทะเลที่อพยพมาจากกวางตุ้ง
ชื่อว่า Kwong Yik Bank ในปี 1903 และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยธนาคารอีกหลายแห่ง
แต่ก็มีธนาคารมากมายที่ล้มหายตายจาก หรือถูกควบรวมกับธนาคารอื่น ๆ
ส่วนธนาคารที่ยังดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันก็คือ
OCBC หรือ Oversea-Chinese Banking Corporation Limited ซึ่งเกิดจากการควบรวมธนาคารของชาวจีนฮกเกี้ยน 3 แห่ง ในปี 1932
และอีกธนาคารหนึ่งก็คือ UOB หรือ United Overseas Bank ซึ่งก่อตั้งโดยชาวมาเลย์เชื้อสายจีนในปี 1935
แต่ท่ามกลางการวางรากฐานด้านการเงินการธนาคารของสิงคโปร์
การเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองท่าแห่งนี้ต้องหยุดชะงักลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะถูกยึดครองโดยกองทัพญี่ปุ่น
เมื่อหลังจบสงคราม อาณานิคมช่องแคบได้รับเอกราชจากอังกฤษ และสิงคโปร์ก็ได้ขอรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย ในปี 1963
แต่ด้วยปัญหาความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ และอุดมการณ์ทางการเมือง
ท้ายที่สุดสิงคโปร์จึงแยกตัวออกจากมาเลเซีย และก่อตั้งประเทศในปี 1965
พร้อมกับตั้งสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ของตัวเองในอีก 2 ปีถัดมา
สิงคโปร์ถือกำเนิดประเทศด้วยการไม่มีทรัพยากรอะไรเลย
และเต็มไปด้วยแรงงานชาวจีนที่หลั่งไหลมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในช่วงหลังสงครามโลก
ลี กวน ยู (Lee Kuan Yew) นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิภาพความเป็นอยู่ รวมไปถึงการสร้างทักษะให้กับแรงงาน ต่อยอดจากการเป็นเมืองท่าค้าขาย
มีการจัดตั้ง Housing and Development Board เพื่อดูแลในเรื่องที่พักอาศัย
และสร้างนิคมอุตสาหกรรมในเขต Jurong ทางตะวันตกของเกาะ
เพื่อสร้างงานในภาคอุตสาหกรรม
โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ทั้ง 2 โครงการ ต้องใช้เงินลงทุนสูง รัฐบาลสิงคโปร์จึงลงทุนเองบางส่วนในโครงการเหล่านี้ และได้ตั้ง The Development Bank of Singapore Limited หรือ ธนาคาร DBS ในปี 1968 เพื่อรองรับเงินทุน กระตุ้นให้เงินทุนหมุนเวียน และโครงการพัฒนาดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่อผู้คนมีที่อยู่อาศัย มีงานทำ และค่อย ๆ หลุดพ้นจากความยากจนแล้ว รัฐบาลก็ต้องวางแผนต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ประการแรก: พัฒนาการศึกษา
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรอย่างสิงคโปร์ ก็คือ “ทรัพยากรมนุษย์”
รัฐบาลสิงคโปร์จึงให้ความสำคัญต่อนโยบายการศึกษาอย่างสูงสุด โดยมีการปฏิรูปคุณภาพของระบบ และมาตรฐานการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากการมีบุคลากรครูคุณภาพสูง โดยครูทุกคนต้องจบการศึกษาในด้านที่เกี่ยวข้อง หลังจบการศึกษาต้องเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพครูจากสถาบันการศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์ (National Institute of Education หรือ NIE) เป็นเวลา 1 ปี เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครูแล้วต้องได้รับการประเมิน และพัฒนาในทุก ๆ ปี
และด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติและภาษาของผู้คนในสิงคโปร์ ที่มีทั้งชาวจีน ชาวมาเลย์ ชาวทมิฬ ซึ่งแต่ละเชื้อชาติต่างก็มีการใช้ภาษาเป็นของตัวเองแตกต่างกันไป
สิ่งที่จะหลอมรวมให้คนทุกเชื้อชาติสามารถอยู่ร่วมกันก็คือ
“ชาวสิงคโปร์ทุกคนจะต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้”
นำมาสู่ระบบการเรียนการสอนสองภาษา ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
ส่วนภาษาที่สองก็เป็นภาษาของแต่ละเชื้อชาติ
รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้สร้างทางเลือกในการศึกษาระดับมัธยมให้กับประชาชน โดยแบ่งเป็น
หลักสูตรมัธยมศึกษาเชิงวิชาการ สำหรับนักเรียนที่มุ่งเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
และหลักสูตรมัธยมศึกษาโพลีเทคนิค สำหรับนักเรียนที่มุ่งเรียนต่อในสายอาชีวะ
ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ก็ผลักดันมาตรฐานในการเรียนสายอาชีวะให้มีคุณภาพสูง
เพราะมองว่านักเรียนแต่ละคนมีความถนัดทางวิชาการไม่เท่ากัน และสายอาชีวะสามารถผลิตบุคลากรเพื่อป้อนตลาดแรงงานในทันที
โดยหนึ่งในสายวิชาชีพ ที่รัฐบาลผลักดันตั้งแต่การก่อตั้งวิทยาลัยอาชีวะแห่งแรก ๆ ก็คือ “นักบัญชี”
สำหรับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย มีการจัดตั้ง National University of Singapore (NUS) ที่เกิดจากการควบรวมมหาวิทยาลัย 2 แห่งในปี 1980 และเริ่มพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ โดยจัดตั้ง NUS Entrepreneurship Centre ในปี 1988
ซึ่งในปีการศึกษา 2022 มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย
จากการจัดอันดับโดย QS
ต่อมาในปี 1981 มีการจัดตั้ง Nanyang Technological University (NTU)
ซึ่งก็กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของทวีปเอเชีย
โดยมี Nanyang Business School เป็นสถาบันด้านบริหารธุรกิจอันดับ 1 ของสิงคโปร์
เมื่อสร้างแรงงานที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะในภาคบริหารธุรกิจและการเงิน รวมไปถึงด้านกฎหมาย และแรงงานส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี
ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้สิงคโปร์มีความเป็นเมืองนานาชาติ และมีข้อได้เปรียบดึงดูดบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน บริษัทด้านบัญชี และกฎหมาย ให้เลือกมาตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในสิงคโปร์
รัฐบาลได้จัดตั้ง ธนาคารกลางแห่งสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore หรือ MAS) ในปี 1971 เพื่อควบคุมสถาบันการเงิน และบริหารจัดการนโยบายทางการเงิน
ด้วยความที่สิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็กและเป็นเมืองท่าค้าขาย และพึ่งพาการค้าจากต่างประเทศสูงมาก สิงคโปร์จึงอาศัยกลไก “อัตราแลกเปลี่ยน” เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายการเงิน ภายใต้การบริหารจัดการของ MAS
ประการที่ 2: ปฏิรูประบบราชการ
เมื่อวางแผนระบบการศึกษาเพื่อสร้างแรงงานที่มีคุณภาพแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพัฒนาเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติก็คือ “ความโปร่งใส”
ในช่วงหลังการแยกตัวเป็นเอกราช
สิงคโปร์เคยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการคอร์รัปชันสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
รัฐบาลภายใต้การนำของนายก ลี กวน ยู ได้ย้ายสำนักสืบสวนการทุจริตคอร์รัปชัน (Corrupt Practices Investigation Bureau หรือ CPIB)
ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1952 มาอยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี
และทำการปฏิรูปกฎหมายป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชัน ให้ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ
ทั้งการตัดสินลงโทษผู้ต้องหาโดยไม่ต้องมีหลักฐานชัดเจน แค่มีพฤติกรรมโน้มเอียงไปในทางไม่ซื่อสัตย์ก็สามารถตัดสินได้ หากผู้ต้องหาถูกตัดสินว่าผิดจริง ก็จะได้รับโทษอย่างรุนแรง
นอกจากโทษทางกฎหมายแล้ว ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับจำนวนเงินที่ทำการทุจริตด้วย
หลังจากตัวบทกฎหมาย และกระบวนการลงโทษเริ่มเข้าที่เข้าทาง
ขั้นต่อมา คือการเพิ่มผลตอบแทนให้ข้าราชการ โดยเริ่มในปี 1989
เพื่อจูงใจให้คนเก่งเข้ารับราชการ และลดการรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ
รัฐบาลสิงคโปร์ใช้เวลาต่อสู้กับการคอร์รัปชันมาเป็นเวลากว่า 50 ปี
จนสิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใส (Corruption Perceptions Index)
สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ในปี 2020
เมื่อประเทศมีความโปร่งใส ก็ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ในขณะที่รัฐบาลก็มีเงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ทั้งการคมนาคมขนส่ง ไปจนถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้ก่อตั้ง คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development Board หรือ EDB) เพื่อวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจน
จากเมืองท่าปลอดภาษี ในช่วงทศวรรษ 1970s สิงคโปร์ต่อยอดมาสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี ในทศวรรษ 1980s
และในช่วงทศวรรษ 1990s ประเทศแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นศูนย์กลางบริการทางการเงินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประการที่ 3: พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดตั้ง The Smart Nation and Digital Government Group หรือ SNDGG รับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงบริการต่าง ๆ ของภาครัฐสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเก็บข้อมูล และประยุกต์ใช้ในการวางแผนพัฒนาประเทศ ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์มี Big Data โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงิน
รัฐบาลจึงสามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงินได้ ป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองทำให้สิงคโปร์ได้รับความน่าเชื่อถือ สามารถเป็นศูนย์กลางทางการเงิน
รัฐบาลยังต่อยอดและให้การสนับสนุนเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ FinTech โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้สิงคโปร์เป็น The FinTech Nation
ทั้งการเปิดให้บริษัท FinTech จากทั่วโลก ขอใบอนุญาต Digital Banking ได้เต็มรูปแบบ
ไม่ปิดกั้นเฉพาะองค์กรในสิงคโปร์ และให้การสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงินหลายรูปแบบ
ทั้งระบบชำระเงิน, บล็อกเชน ไปจนถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ในขณะที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ ก็เป็นผู้ริเริ่มจัดงาน Singapore FinTech Festival ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2016 และจัดขึ้นติดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นมหกรรม FinTech ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ปัจจุบัน ธนาคารสิงคโปร์ที่ใหญ่ที่สุด 3 แห่ง คือ DBS, OCBC และ UOB
ล้วนเป็น 3 ธนาคารที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน มีผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลาย ทั้งประกันภัย ผลิตภัณฑ์การลงทุนต่าง ๆ ไปจนถึงสกุลเงินดิจิทัล
ภาคบริการการเงินคิดเป็นสัดส่วนราว 7.4% ของการส่งออกสินค้าและบริการของสิงคโปร์ ซึ่งบริการขั้นสูงเหล่านี้ มีส่วนสำคัญที่ผลักดัน GDP ต่อหัวของชาวสิงคโปร์ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในปี 1965 ที่ก่อตั้งประเทศ ชาวสิงคโปร์เคยมี GDP ต่อหัวน้อยกว่า เจ้าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักร ประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างเยอรมนี หรือประเทศมหาอำนาจในเอเชียอย่างญี่ปุ่น
แต่ในปี 2020 GDP ต่อหัวชาวสิงคโปร์แซงหน้าประเทศเหล่านี้ทั้งหมด และมากเป็นเกือบ 1.5 เท่า ของอดีตเจ้าอาณานิคม..
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากการวางแผนระยะยาว
ทั้งการเตรียมทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมสำหรับงานบริการ
การพัฒนาประเทศให้โปร่งใสและมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล
รวมไปถึงการช่วยเหลือของภาครัฐในทุก ๆ ด้าน
จากเมืองท่าศูนย์กลางการค้า สิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค และกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีทางการเงินแห่งศตวรรษที่ 21
เรื่องราวของประเทศเกาะมหัศจรรย์แห่งนี้ บอกให้เรารู้ว่า
เมื่อเริ่มเป็นศูนย์กลางอะไรสักอย่าง และสั่งสมประสบการณ์จนมากพอแล้ว
ก็จะง่ายในการดึงดูดสิ่งใหม่ ๆ และกลายเป็นศูนย์กลางด้านอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
และในวันนี้ สิงคโปร์กำลังเตรียมพร้อมทุกอย่าง
สำหรับการเป็นศูนย์กลางอีกหลายด้าน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกอนาคต..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-http://prp.trf.or.th/download/2538/
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=undefined&product=404&year=2019&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://remembersingapore.org/2011/10/07/money-never-sleeps-a-brief-history-of-banking-in-sg/
-https://lkyspp.nus.edu.sg/docs/default-source/case-studies/entry-1516-singapores_transformation_into_a_global_financial_hub.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=SG-GB-JP-DE
-https://www.moneyandbanking.co.th/article/news/dbs-cryptocurrency-trading-130964?fbclid=IwAR2VVHEH9_n29fpyXSQ6EgSGDm63Lhm3aQF0aj7I8LIQ_B2wgjIXSazIVxU
history website 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา Nestlé บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
Nestlé นับเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เรารู้จักมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเนสกาแฟ คอฟฟีเมต ไมโล ไปจนถึงซอสปรุงรสแม็กกี้
แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Nestlé เติบโตมาจากการรวมตัวกันของ 2 บริษัท
ที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน นั่นก็คือ “นมวัว” และ “ประเทศสวิตเซอร์แลนด์”
ปัจจุบัน Nestlé ดำเนินธุรกิจมากว่า 150 ปี มีมูลค่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งนับเป็นบริษัทใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก
แล้วจุดเริ่มต้นของ Nestlé เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัทแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นนั้น เกิดจาก Charles และ George Page สองพี่น้องชาวอเมริกัน
พวกเขาต้องการสร้างโรงงานผลิตนมข้นหวานซึ่งเป็นสินค้าขายดีในประเทศสหรัฐอเมริกาและวางแผนที่จะส่งไปวางจำหน่ายยังประเทศอังกฤษเพราะเป็นตลาดใหม่สำหรับนมข้นหวาน
ทั้งสองจึงเลือกตั้งโรงงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะเป็นแหล่งผลิตนมวัวคุณภาพสูง และให้ผลผลิตปริมาณมาก
โดยทั้งคู่ก็ได้ก่อตั้งบริษัท Anglo-Swiss Condensed Milk ขึ้นในปี 1866 และได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวานไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Henri Nestlé ผู้อพยพชาวเยอรมันซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ช่วยเภสัชกร มีความคิดที่จะแก้ไขปัญหาอัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกในยุโรป ที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้
เขาจึงผลิตอาหารสำหรับทารกที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยการผสมนมและธัญพืช ภายใต้ชื่อ Farine Lactée
หลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 8 ปี ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กของ Henri Nestlé ก็วางจำหน่ายไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ต่อมาในปี 1877 Charles และ George Page ได้เห็นโอกาสในตลาดอาหารสำหรับเด็ก ทำให้ทั้งคู่ได้ผลิตอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งสำหรับ Henri Nestlé แล้วเรื่องนี้ถือเป็นการประกาศสงครามทางการค้าระหว่างกัน
ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน Henri Nestlé ได้ผลิตนมข้นหวานเป็นของตัวเองเช่นกันเพื่อโต้ตอบ Charles และ George Page ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดอาหารเด็ก
ด้วยความที่ไม่มีใครยอมใคร ทำให้การแข่งขันดังกล่าวกินเวลายาวนานเกือบ 30 ปี
และถึงแม้ทั้ง 2 บริษัทจะสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่จากการแข่งขันระหว่างกันก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของทั้งคู่อย่างมาก เพราะต้องทำราคาและโปรโมชันแข่งกันอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี 1905 เมื่อผู้ก่อตั้งบริษัททั้ง 3 คนได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว
กรรมการของทั้ง 2 บริษัทจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบุกตลาดโลกและไม่ต้องมาเสียเวลากับการแข่งขันกันเอง
หลังจากควบรวมกิจการกันได้ไม่นาน ภายใต้ชื่อ Nestlé and Anglo-Swiss Condensed Milk หรือ Nestlé
ก็สามารถวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปยังทุกทวีปทั่วโลก
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1914 ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารจากนมของ Nestlé กลายเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงสงคราม โดยเฉพาะนมข้นหวานเพราะสามารถเก็บไว้ได้นานและใช้บริโภคได้หลากหลายรูปแบบ
แต่ภาวะสงครามที่กินระยะเวลานานก็ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนัก ส่งผลให้โรงงานของบริษัททั้ง 20 แห่งต้องหยุดการผลิตลง
เรื่องดังกล่าวทำให้ Nestlé ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้กิจการยังดำเนินต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤติ
Nestlé จึงได้ขยายการผลิตด้วยการไปตั้งโรงงานที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Nestlé
กำลังการผลิตของ Nestlé เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย Nestlé มีจำนวนโรงงานเพิ่มขึ้นจาก 20 โรงงานในปี 1914 เป็น 80 โรงงานในปี 1921 และในช่วงนี้เองที่ Nestlé ได้ขยายโรงงานไปยังเอเชียและลาตินอเมริกา
และด้วยการขยายฐานการผลิตจำนวนมาก ทำให้ Nestlé สามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ Great Depression ได้ในปี 1930 เพราะมีฐานลูกค้าและโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก
และจากการที่มีฐานการผลิตอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศบราซิล
เป็นที่มา ที่ทำให้บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ นั่นก็คือ “Nescafé”
จริง ๆ แล้ว Nescafé เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลบราซิล ได้ขอให้ Nestlé ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตเมล็ดกาแฟล้นตลาด โดยในตอนแรกไอเดียของรัฐบาลคือการทำกาแฟอัดก้อน แล้วให้ Nestlé เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
แต่ Nestlé เลือกที่จะผลิตเป็นผงกาแฟที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นการทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญ เพราะ Nestlé มีประสบการณ์จากการผลิตเครื่องดื่มชนิดผงอยู่ก่อนแล้ว อย่างเช่น นมผงสำหรับเด็ก หรือเครื่องดื่มไมโล
Nescafé ออกวางจำหน่ายไม่นานก็เป็นที่นิยมและขายดีอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Nescafé ใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่ขายดีที่สุดในประเทศ
แต่ในเวลาต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น
ซึ่งสำหรับบริษัท Nestlé ก็เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการฉายหนังซ้ำ
โดยในช่วงเริ่มแรกของสงคราม สินค้าจาก Nestlé ได้กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก
แต่เนื่องจากผลกระทบของสงครามที่เกิดขึ้นไปทั่วโลกมีความรุนแรงและกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คิด
ทำให้ถึงแม้จะมีการขยายโรงงานผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ โรงงานหลายแห่งของ Nestlé ก็ยังคงประสบปัญหาในการผลิต ทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนแรงงาน จนสุดท้ายโรงงานจำนวนมากต้องปิดตัวลง
แต่ด้วยฐานการผลิตที่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และเนื่องจากสินค้ายอดนิยมอย่าง Nescafé กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพ ทำให้ Nestlé ได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ทำให้ผลประกอบการของ Nestlé ในช่วงนั้นกลับกลายเป็นได้กำไรจำนวนมาก ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ
จุดนี้เองที่ทำให้ Nestlé ตัดสินใจปรับกลยุทธ์การขยายกิจการจากเดิมที่มุ่งเน้นการตั้งโรงงานใหม่และเพิ่มกำลังการผลิต เป็นการไล่ซื้อกิจการอื่น ๆ แทน
โดยเมื่อสงครามสิ้นสุดลง Nestlé ได้เริ่มการไล่ซื้อบริษัทเล็ก ๆ ในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากช่วงสงคราม และการไล่ซื้อกิจการตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ Nestlé ได้แบรนด์สินค้าชื่อดังรวมถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากหลากหลายแบรนด์เข้ามาเป็นของบริษัท
อย่างเช่น
- Maggi ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร
- Friskies อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง
- KitKat ช็อกโกแลตแบบแท่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
นอกจากการซื้อกิจการแล้ว Nestlé ก็ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาสู่ท้องตลาดอยู่เสมอ
อย่างเช่น ชาผงพร้อมดื่ม Nestea และช็อกโกแลตชนิดผงพร้อมดื่ม Nesquik
ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไม่ต่างจาก Nescafé
สำหรับในประเทศไทยเอง Nestlé ก็ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี 1893 หรือในปี พ.ศ. 2436 โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์นมข้นหวานบรรจุกระป๋องที่มาจากฝั่งของสองพี่น้อง Charles และ George Page โดยใช้ชื่อไทยว่านมข้นหวานตรา “แหม่มทูนหัว” และตั้งโรงงานผลิตในไทยแห่งแรกในปี 1967 หรือในปี พ.ศ. 2510
ปัจจุบัน Nestlé ก็ขยายกิจการจนมีแบรนด์สินค้า กว่า 2,000 แบรนด์
วางจำหน่ายใน 190 ประเทศทั่วโลก และมีมูลค่าบริษัทกว่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากวันแรก ที่บริษัทของ Charles และ George Page กับ Henri Nestlé เป็นคู่แข่งขัน จะถูกควบรวมกันจนกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานเป็นร้อยปี
จนปัจจุบัน Nestlé ได้กลายมาเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และใหญ่สุดในบริษัทอาหารและเครื่องดื่มของโลกเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.Nestle.co.th/th/aboutus/history
-https://www.youtube.com/watch?v=MYGZZKTA2qI&t=14s
-https://www.companieshistory.com/Nestle/
-https://www.cleverism.com/the-history-of-Nestle/
-https://www.Nestle.com/sites/default/files/2021-03/2020-annual-review-en.pdf
history website 在 Xiaofei小飛 Youtube 的精選貼文
🗺 跟著小飛玩(更多景點) https://68maps.com/places/tw
台灣很大~
山脈的迷人特徵之一是它們的行為類似於分形。 當您放大時,要素的複雜性仍然存在,顯示出層層疊疊的山谷、河流和山脊線。 景觀呈現出另一個尺寸大小,因為海拔變得與經度和緯度一樣重要。 探索這些深邃的峽谷和高聳的山峰需要窮其一生。
在許多方面,台灣文化與主導景觀的山脈相似。 當你仔細觀察時,你會發現那裡的東西遠比眼睛看到的要多得多。 漢族、客家人、來自世界各地的移民,以及 16 個不同的原住民部落,每個民族都有自己的文化和語言。 探索這些文化也需要一生的時間。 一個影片裡要講的東西太多了,這裡做了一個小小的介紹。 無數部落裡的其中一個,千分之一裡的ㄧ個山徑。 這只是一種小小的趣味。 台灣很大!
Taiwan+
Website: https://www.taiwanplus.com/vods?c=90000012&v=80000486
Facebook: https://www.facebook.com/taiwanplusmedia/
*Some images are provided by Yushan National Park Management Office
00:00 Geographical Diversity of Taiwan
02:05 Hiking in Nantou
04:01 Beautiful Scenery
04:51 History of the Bunun Peoples
07:54 History of the Batonguan Trail
10:01 Cultural Diversity of Taiwan
12:18 雲龍瀑布 Yunlong Waterfall
13:30 The Biggest In Taiwan
#小飛xTaiwanPlus #XIAOFEIxTaiwanPlus #TaiwanIsHuge
history website 在 ロイドごはん Youtube 的最讚貼文
全国にチェーン展開する人気ラーメン店に再訪!神奈川県横浜市『札幌ラーメンどさん子和田町店』に伺ってきました。和田町駅から徒歩で約5分ほどのところにある人気ラーメン店です。「札幌ラーメンどさん子」のHPを拝見すると、創業昭和36年と古い歴史があります。看板になっているのが味噌ラーメンで、札幌の赤味噌を使用しているとのこと。麺も国産小麦を使用したスープに合うオリジナルの縮れ麺で、クセになる味わいや食感を目指しているそうです。今回は和田町店オリジナルのラーメンを食べてみました。それでは早速動画をご覧ください!
*感染対策を徹底して撮影を行っています。
*撮影に際しては、お店の方や周りのお客様に充分配慮して撮影をおこなっています。
Revisit popular ramen shops that are chained all over the country! I visited "Sapporo Ramen Dosanko Wadamachi Store" in Yokohama City, Kanagawa Prefecture. It is a popular ramen shop located about 5 minutes on foot from Wadamachi Station. If you look at the website of "Sapporo Ramen Dosanko", it has a long history of being founded in 1958. The signboard is miso ramen, which uses red miso from Sapporo. The noodles are also original curly noodles that go well with the soup made from domestic wheat, and they are aiming for a addictive taste and texture. This time I tried the original ramen from the Wadamachi store. Then, please watch the video immediately!
* We take thorough measures against infection.
* When shooting, we take the shop and the customers around us into consideration.
いつもありがとうございます!( ´ ▽ ` )
高評価&チャンネル登録もよろしくお願いいたします!
#ラーメン #ラーメンどさん子 #横浜 #ロイドごはん #ramen
—————《サブチャンネルもよろしくお願いします!》—————————————
【メロンシートジャーニー】
https://www.youtube.com/channel/UCwNlBAUziFWkJZFY_u3t65A
【フラメンコロイド】
https://www.youtube.com/channel/UCsFJHNg3SR41R2a3vctUInw
🍀「ロイドごはん」公式LINEができました!
お友だち追加はこちら
https://lin.ee/ow4OdaV
—————《本日の店舗情報》—————————————————
『札幌ラーメンどさん子 和田町店』https://tabelog.com/kanagawa/A1401/A140302/14037818/
—————《ロイドごはんオススメの動画! ROIDGOHANs’ Recommended video》———————————
78才おじいちゃん屋台ラーメンの朝『幸っちゃん』夜明けの銀座【飯テロ】Old Style Ramen Stall Yatai Japanese Street Food
https://youtu.be/YHiWYvhxUI4
【家系ラーメン特集!】
https://www.youtube.com/playlist?list=PL6yW17uB9uIVUmOS8qnXrRwcBu8W-uRYZ
神回【ラーメン二郎の貴重映像】全増しが出来るまで一部始終を大公開!【ラーメン二郎 ひばりヶ丘店】ramen
https://youtu.be/mBFcdMHyaxA
—————《オリジナルサイトの情報》—————————————————
★ロイドwalker《人生をドラマチックに彩る旅とグルメと温泉図鑑》
https://ramenjapan.net/
★メロンシート《フラメンコギターの世界一の旅》
https://pordiotama3.xsrv.jp
★フラメンコロイド 《フラメンコロイドの神話と伝説》
https://flamenkoroid.net
—————《twitter》—————————————————————
★ロイドごはん
https://twitter.com/roidgohan
★メロンシート
https://twitter.com/meloncito310
★フラメンコロイド
https://twitter.com/flamenkoroid
—————《instagram》———————————————————-
★ロイドごはん
https://www.instagram.com/roidgohan
★メロンシート
https://www.instagram.com/satoshimelo...
★フラメンコロイド
https://www.instagram.com/flamenkoroid
history website 在 Goresh Youtube 的最讚貼文
Check out 59 Gaming on:
Youtube: https://www.youtube.com/59gaming
59Gaming Official Website: https://59gaming.com/?ltclid
59Gaming Discord: https://discord.com/invite/59gaming?ltclid=
59Gaming Twitch: https://www.twitch.tv/59gaming?ltclid=
59Gaming Twitter: https://twitter.com/59gaming1?ltclid=
For business inquiries please e-mail: Goresh127@gmail.com (not taking collab requests at this time)
https://twitter.com/Goreshx
Huge shoutout to Kamogawa for creating the thumbnail for this video. His Twitter can be found here: https://twitter.com/Kamogawa_YT
history website 在 Wayback Machine - Internet Archive 的相關結果
Explore more than 669 billion web pages saved over time. BROWSE HISTORY. Find the Wayback Machine useful? DONATE. ubl.com. Dec 27, 1996 20:38:47. ... <看更多>
history website 在 Best of History Web Sites: Welcome 的相關結果
2020年8月6日 — Best of History Web Sites, created by EdTechTeacher, is an award-winning portal that contains annotated links to over 1200 history web sites ... ... <看更多>
history website 在 HISTORY | Watch Full Episodes of Your Favorite Shows 的相關結果
Watch full episodes of your favorite HISTORY series, and dive into thousands of historical articles and videos. To know History is to know life. ... <看更多>