เมืองปักกิ่ง มีความสำคัญ มากแค่ไหน? / โดย ลงทุนแมน
ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนกลับมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
หลังจากพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 ระลอก 2 ในตลาดค้าส่งอาหาร
ที่น่าตกใจคือ ใน 1 วัน มีผู้คนจำนวนหลายพันคนเข้ามาจับจ่ายซื้อของที่ตลาดแห่งนี้
แล้วเราเคยคิดไหมว่า ถ้าปักกิ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดดังกล่าว
จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนมากแค่ไหน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปักกิ่งนับเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอายุเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในโลก โดยมีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี
ในปี 2019 ปักกิ่งเมืองเดียวมีมูลค่า GDP สูงถึง 15.4 ล้านล้านบาท พอๆ กับประเทศไทยทั้งประเทศ
ปักกิ่งจึงถูกจัดลำดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่มี GDP สูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนปักกิ่งนั้นมากกว่า 729,000 บาทต่อปี มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนทั้งประเทศกว่าเท่าตัว ที่ปัจจุบันเท่ากับ 313,000 บาท
ปักกิ่งยังเป็นศูนย์กลางของประเทศหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษา และการคมนาคม
ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ยาวนาน เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน กำแพงเมืองจีน พระราชวังฤดูร้อน พระราชวังกู้กง
ปี 2019 ปักกิ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนถึง 322 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เมืองปักกิ่ง กว่า 2.7 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 18% ของมูลค่า GDP ของปักกิ่ง
ปักกิ่งยังเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งติดอันดับรายชื่อใน Fortune Global 500 เช่น
- Sinopec Group บริษัทพลังงานและปิโตรเคมีแบบครบวงจรรายใหญ่ของโลก
- State Grid Corporation of China บริษัทสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่น่าสนใจคือ ปักกิ่งยังเป็นหนึ่งในเมืองที่มีจำนวน Billionaire มากที่สุดในโลก
โดยในปี 2019 มี Billionaire มากถึง 55 คน ตามหลังแค่ นิวยอร์ก ฮ่องกง ซานฟรานซิสโก มอสโก และลอนดอน
แต่แล้วการระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ที่ปักกิ่ง ทำให้รัฐบาลประกาศห้ามการเดินทางข้ามเมืองและสั่งงดเว้นกิจกรรมการแข่งขันกีฬาทุกชนิด พร้อมทั้งประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
แล้วถ้าเรามาเทียบกับอู่ฮั่น เมืองที่เป็นต้นกำเนิดของ Covid-19 รอบแรกจะเป็นอย่างไร
ปักกิ่งมีจำนวนประชากร 21.5 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ
อู่ฮั่นมีจำนวนประชากร 11.1 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 9 ของประเทศ
ขณะที่มูลค่า GDP ของปักกิ่งนั้นมากกว่ามูลค่า GDP ของอู่ฮั่นกว่าเท่าตัว
ความหนาแน่นต่อพื้นที่ของประชากรที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งนั้นสูงกว่า ดังนั้น อาจมีความเสี่ยงของการระบาดที่อาจจะขยายวงกว้างเร็วกว่า ที่สำคัญคือ ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีผู้คนเดินทางไปมาจำนวนมาก
และเนื่องจากขนาดเศรษฐกิจของปักกิ่งนั้นใหญ่กว่า ดังนั้น ถ้าทางการจีนควบคุมการแพร่เชื้อไม่ดีพอ อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีนรุนแรงกว่าครั้งที่เกิดที่เมืองอู่ฮั่นเสียอีก
ทำให้ตอนนี้คงไม่ใช่แค่ประเทศจีน
แต่รวมถึงทุกประเทศทั่วโลก ต้องเอาใจช่วยให้ปักกิ่งสามารถควบคุมการระบาดให้ได้
เพราะถ้าหากการระบาดแพร่ไปทั่วประเทศจีน
จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โลกจะสูญเสียผู้ผลิต และตลาดขนาดใหญ่ไป
ลองนึกภาพว่า หากคนจีนชะลอการนำเข้าสินค้าต่างๆ จากประเทศไทย
ประเทศไทยก็คงได้รับผลกระทบหนัก “ไม่แพ้” การที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากประเทศไทย..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.theguardian.com/world/2020/jun/13/beijing-china-new-covid-19-cases-linked-to-food-market
-http://www.china.org.cn/business/2020-01/21/content_75637227.htm
-https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Beijing
-https://www.statista.com/statistics/990568/china-tourism-industry-revenue-in-beijing/
-https://webunwto.s3.eu-west-1.amazonaws.com/s3fs-public/2019-11/beijingcasestudy.pdf
-http://www.sunflowerhotelbeijing.com/news/1535.html
-https://www.marketwatch.com/story/this-us-city-has-the-most-billionaires-per-capita-in-the-world-its-not-new-york-2019-05-09
-https://www.statista.com/topics/1317/employment-in-china/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Fortune_Global_500#Breakdown_by_country
-https://en.wikipedia.org/wiki/National_Central_City
-https://news.cgtn.com/news/2020-06-14/COVID-19-in-Beijing-Inside-Xinfadi-biggest-wholesale-market-in-Asia-RjgKHh6HPW/index.html
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「china tourism statistics」的推薦目錄:
- 關於china tourism statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於china tourism statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於china tourism statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於china tourism statistics 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最讚貼文
- 關於china tourism statistics 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於china tourism statistics 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
china tourism statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ท้อแท้ สิ้นหวัง แตกหัก ฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน
[1 ในบทความที่นิยมสุดของลงทุนแมนในปี 2019]
ทุกคนในฮ่องกงเวลานี้ ต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง..
ภาพบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว มีตึกสูงเรียงกัน
เปลี่ยนเป็นภาพผู้คนโกรธเคือง พร้อมทำลายสิ่งขวางกั้น
มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ที่จะนำไปสู่ความสงบ
รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ ฮ่องกง ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย
คำว่า เศรษฐกิจถดถอย (Recession) แปลว่า
GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในวันที่ทุกอย่างรุมเร้า
ในวันที่มองไม่เห็นทางออก
จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
แล้วจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่เป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ด้านบันเทิง
มังกรหยก หลิวเต๋อหัว เฉินหลง ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราคนไทยน่าจะรู้จักกันทุกคนไม่แพ้ K-POP หรือ ดาราฮอลลีวูด ในสมัยนี้
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทย
ถ้าถามคนสมัยก่อนว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก
เราจะไปที่ไหน?
คำตอบแรกคือ “ฮ่องกง”
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
จนรู้ตัวอีกที
ฮ่องกงในวันนี้ อาจไม่ได้เป็นฮ่องกงคนเดิมที่เรารู้จัก
ฮ่องกงในวันนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
ฮ่องกงในวันนี้ เริ่มไม่ได้เป็นผู้นำเอเชียในทุกด้านเหมือนวันก่อน
แล้วที่ผ่านมาคนฮ่องกงเจออะไร
คนฮ่องกงเก่งน้อยลง
หรือ คนประเทศอื่นเก่งมากขึ้น
หรือ มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่ทำให้ฮ่องกงเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่ทุกอย่างพร้อมจะพังทลายลง
เรามาหาความจริงกัน
ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก มี 1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร (100 เมตรคือประมาณ 30 ชั้น)
ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์
ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี
และแพงอันดับ 2 ของโลก รองจากโมนาโก
ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท
ด้วยราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหรูในประเทศไทยได้
ที่ผ่านมา ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
แต่การเป็นที่สุด
ย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่ทำให้ ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความแตกต่างระหว่างคนรวย กับ คนชั้นกลางมากที่สุดในโลก
ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ..
จริงๆ แล้วความเหลื่อมล้ำเป็นแค่เชื้อเพลิงที่สะสม ถ้าไม่มีใครมาจุดไฟมันก็คงไม่เกิดอะไร
เชื้อเพลิงมันก็กองกันอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มีคนมาจุดชนวน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไฟ ลุกโชติช่วงแบบไม่ดับลงง่ายๆ
เหมือนภาพที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
และชนวนที่สำคัญก็คือ ประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน..
ใครจะไปคิดว่า ตัวจุดชนวนนี้คือ เรื่องฆาตกรรมของคนเพียงคนเดียว ที่เกิดขึ้นบนเกาะไต้หวัน..
ย้อนกลับไป 9 เดือนที่แล้ว
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อคู่รักฮ่องกงคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ฝ่ายชายกลับฆ่าฝ่ายหญิงที่ไต้หวัน และ เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงโดยที่ไม่มีใครจับได้
ต่อมาผู้ชายถูกจับตัวได้ที่ฮ่องกง แต่ตำรวจฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน
ขณะที่ทั้งฮ่องกงและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่สามารถส่งตัวคนผิดไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงจึงเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังไต้หวัน
แต่เรื่องนี้กลับกลายใหญ่โตขึ้น เพราะร่างกฎหมายนี้ ดันรวมไปถึงการส่งตัวผู้ทำผิดไปประเทศจีนด้วย
ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวฮ่องกงไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางคณะผู้บริหารฮ่องกงเองได้ยกเลิกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่หลังจากนั้น ข้อเรียกร้องยกระดับเป็นการให้ แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง ลาออก เลยไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างอิสระ ซึ่งสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมายได้โดยตนเอง
แต่ในอนาคต ปี 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า ฮ่องกงมีกำหนดส่งอำนาจการปกครองคืนให้จีน
ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาว มาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน ซึ่งการประท้วงได้ยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน การกีดขวางขนส่งมวลชน ไปจนถึงการทำลายร้านค้า อาคาร และทำร้ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม
ส่วนผู้ที่ต่อต้านการชุมนุมก็มีเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุที่มากกว่า หรือเป็นนักธุรกิจ
ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง
ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก
ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน
รัฐบาลปักกิ่งได้ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน
คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง
โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งถูกเลือกมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้แทนของนักธุรกิจและรัฐบาลปักกิ่ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง
ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า
แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ราคาบ้านที่สูงเกินเอื้อม
ไปจนถึงความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลลิดรอนเสรีภาพที่เคยมี
เมื่อมองไปทางไหนก็รู้สึกท้อแท้ และ สิ้นหวัง
หนทางเดียวที่มีอยู่ของคนฮ่องกง ก็คือการชุมนุม การประท้วง จนกว่าทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่ยิ่งประท้วงมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้นทุกที
ทั้งภาคการเงิน การท่องเที่ยว
ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียอะไรไปบ้าง?
นอกจากการที่ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะหดตัว 0.8%
การส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 7%
ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องกงยังครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตำแหน่งนี้กำลังถูกสั่นคลอนโดยสิงคโปร์ คู่แข่งที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 2 และเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในอันดับ 3
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของฮ่องกง
นักลงทุนอาจหอบเงินกว่า 120,000 ล้านบาท หนีไปลงทุนที่สิงคโปร์
ส่วน Bloomberg คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นที่เข้ามาระดมทุนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ มีแนวโน้มจะแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้
ยังไม่รวมห้างร้านหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถขนส่งสินค้าเข้ามาในร้านได้
โรงแรมที่ซบเซาลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นอัมพาตจากการกีดขวางการจราจร
การประท้วงที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการก่อการร้าย
ทั้งขว้างปาก้อนอิฐ ก่อสิ่งกีดขวางการจราจร
ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วย เผาทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
ฮ่องกงซึ่งไม่มีทั้งกองกำลังทหารและอาวุธเป็นของตัวเอง
ยิ่งการประท้วงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเท่าไร
ก็ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้รัฐบาลฮ่องกงขอรับการสนับสนุนกองกำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่ความขัดแย้งระหว่างฮ่องกงและจีน ถือเป็นกิจการภายใน ซึ่งต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมาย “การแยกประเทศ” ของชาวฮ่องกง คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก..
แต่จนถึงวันนี้ จุดยืนของรัฐบาลจีนต่อการประท้วง ก็คือการปล่อยให้คนฮ่องกงแก้ปัญหานี้กันเอง
ฮ่องกงซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ เป็นประตูสู่การลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่
ปี 1997 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 18.4% ของ GDP ประเทศจีน
ปี 2018 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 2.7% ของ GDP ประเทศจีน
ในวันนี้ เมืองใหญ่ต่างๆ ของจีน ต่างพัฒนาเศรษฐกิจจนมีขนาด GDP แซงหน้าฮ่องกงไปแล้ว
ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ส่วนกว่างโจว และเทียนจิน กำลังจะแซงหน้าในเร็วๆ นี้
ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อประเทศจีน กำลังลดระดับลงเรื่อยๆ
น่าคิดว่า ยิ่งการประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อเท่าไร สุดท้ายผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือคนฮ่องกงเอง
ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
- ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
- ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
- คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
แน่นอนว่าคนฮ่องกงที่ประท้วงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และไม่ว่าการประท้วงที่ยาวนานครั้งนี้จะมีจุดจบเช่นไร เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่ เรย์ ดาลิโอ ผู้เขียนหนังสือ Principles ได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า
“โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพัง”
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันที่ใหญ่สุดในโลก และคุ้นเคยกับโลกทุนนิยม
แต่เขาบอกว่า ระบบทุนนิยม แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
เพราะระบบกำลังให้รางวัลกับคนรวย และทิ้งห่างคนส่วนใหญ่ในฮ่องกงไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ระบบนี้จะไม่เสถียร ระบบนี้จะพังลงในที่สุด
และโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าทุนนิยมมันจะพังได้อย่างไร ในเมื่อเราคุ้นเคยกันมานาน
แต่ดูเหมือนว่ามันอาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า ฮ่องกง..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-The Global Financial Centres Index 26
-https://www.chinadailyhk.com/articles/76/215/81/1572262453599.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-07/singapore-shanghai-threaten-hong-kong-status-as-asia-finance-hub
-https://www.reuters.com/article/us-hongkong-protests-markets-explainer/explainer-how-important-is-hong-kong-to-the-rest-of-china-idUSKCN1VP35H
-https://www.cnbc.com/2019/03/20/hong-kong-is-building-an-80-billion-artificial-island.html
-https://www.censtatd.gov.hk/hkstat/sub/gender/demographic/index.jsp
-https://www.scmp.com/comment/opinion/article/3021423/how-hong-kong-can-put-end-protest-chaos-its-about-economy-so-fix
-https://www.chinadailyhk.com/articles/213/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/statistics/960155/hong-kong-high-net-worth-individuals-by-wealth-group/
-https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/79389-universal-suffragehk79389.html
-https://www.nytimes.com/2019/07/08/world/asia/hong-kong-protests-democracy.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/hong-kong-overtakes-japan-as-world-s-third-largest-stock-market
-https://www.bloomberg.com/graphics/2019-hong-kong-protests-economic-impact/?srnd=premium-asia
-https://th.investing.com/indices/hang-sen-40
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/hong-kong/tourism-revenue
-https://nypost.com/2019/08/14/alibaba-ipo-plan-at-risk-amid-massive-hong-kong-protests/
-https://tradingeconomics.com/hong-kong/gdp-growth-annual
-https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3008578/hong-kongs-gdp-slows-05-cent-first-quarter-2019
-https://edition.cnn.com/2019/08/15/economy/hong-kong-economy-stimulus/index.html
china tourism statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ท้อแท้ สิ้นหวัง แตกหัก ฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน
ทุกคนในฮ่องกงเวลานี้ ต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง..
ภาพบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว มีตึกสูงเรียงกัน
เปลี่ยนเป็นภาพผู้คนโกรธเคือง พร้อมทำลายสิ่งขวางกั้น
มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ที่จะนำไปสู่ความสงบ
รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ ฮ่องกง ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย
คำว่า เศรษฐกิจถดถอย (Recession) แปลว่า
GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในวันที่ทุกอย่างรุมเร้า
ในวันที่มองไม่เห็นทางออก
จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
แล้วจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้ สนับสนุนโดย
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่เป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ด้านบันเทิง
มังกรหยก หลิวเต๋อหัว เฉินหลง ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราคนไทยน่าจะรู้จักกันทุกคนไม่แพ้ K-POP หรือ ดาราฮอลลีวูด ในสมัยนี้
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทย
ถ้าถามคนสมัยก่อนว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก
เราจะไปที่ไหน?
คำตอบแรกคือ “ฮ่องกง”
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
จนรู้ตัวอีกที
ฮ่องกงในวันนี้ อาจไม่ได้เป็นฮ่องกงคนเดิมที่เรารู้จัก
ฮ่องกงในวันนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
ฮ่องกงในวันนี้ เริ่มไม่ได้เป็นผู้นำเอเชียในทุกด้านเหมือนวันก่อน
แล้วที่ผ่านมาคนฮ่องกงเจออะไร
คนฮ่องกงเก่งน้อยลง
หรือ คนประเทศอื่นเก่งมากขึ้น
หรือ มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่ทำให้ฮ่องกงเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่ทุกอย่างพร้อมจะพังทลายลง
เรามาหาความจริงกัน
ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก มี 1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร (100 เมตรคือประมาณ 30 ชั้น)
ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์
ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี
และแพงอันดับ 2 ของโลก รองจากโมนาโก
ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท
ด้วยราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหรูในประเทศไทยได้
ที่ผ่านมา ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
แต่การเป็นที่สุด
ย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่ทำให้ ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความแตกต่างระหว่างคนรวย กับ คนชั้นกลางมากที่สุดในโลก
ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ..
จริงๆ แล้วความเหลื่อมล้ำเป็นแค่เชื้อเพลิงที่สะสม ถ้าไม่มีใครมาจุดไฟมันก็คงไม่เกิดอะไร
เชื้อเพลิงมันก็กองกันอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มีคนมาจุดชนวน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไฟ ลุกโชติช่วงแบบไม่ดับลงง่ายๆ
เหมือนภาพที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
และชนวนที่สำคัญก็คือ ประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน..
ใครจะไปคิดว่า ตัวจุดชนวนนี้คือ เรื่องฆาตกรรมของคนเพียงคนเดียว ที่เกิดขึ้นบนเกาะไต้หวัน..
ย้อนกลับไป 9 เดือนที่แล้ว
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อคู่รักฮ่องกงคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ฝ่ายชายกลับฆ่าฝ่ายหญิงที่ไต้หวัน และ เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงโดยที่ไม่มีใครจับได้
ต่อมาผู้ชายถูกจับตัวได้ที่ฮ่องกง แต่ตำรวจฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน
ขณะที่ทั้งฮ่องกงและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่สามารถส่งตัวคนผิดไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงจึงเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังไต้หวัน
แต่เรื่องนี้กลับกลายใหญ่โตขึ้น เพราะร่างกฎหมายนี้ ดันรวมไปถึงการส่งตัวผู้ทำผิดไปประเทศจีนด้วย
ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวฮ่องกงไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางคณะผู้บริหารฮ่องกงเองได้ยกเลิกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่หลังจากนั้น ข้อเรียกร้องยกระดับเป็นการให้ แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง ลาออก เลยไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างอิสระ ซึ่งสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมายได้โดยตนเอง
แต่ในอนาคต ปี 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า ฮ่องกงมีกำหนดส่งอำนาจการปกครองคืนให้จีน
ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาว มาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน ซึ่งการประท้วงได้ยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน การกีดขวางขนส่งมวลชน ไปจนถึงการทำลายร้านค้า อาคาร และทำร้ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม
ส่วนผู้ที่ต่อต้านการชุมนุมก็มีเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุที่มากกว่า หรือเป็นนักธุรกิจ
ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง
ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก
ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน
รัฐบาลปักกิ่งได้ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน
คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง
โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งถูกเลือกมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้แทนของนักธุรกิจและรัฐบาลปักกิ่ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง
ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า
แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ราคาบ้านที่สูงเกินเอื้อม
ไปจนถึงความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลริดรอนเสรีภาพที่เคยมี
เมื่อมองไปทางไหนก็รู้สึกท้อแท้ และ สิ้นหวัง
หนทางเดียวที่มีอยู่ของคนฮ่องกง ก็คือการชุมนุม การประท้วง จนกว่าทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยขอให้มีการเลือกตั้งแบบ 1 คนต่อ 1 เสียง (Universal Suffrage)
แต่ยิ่งประท้วงมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้นทุกที
ทั้งภาคการเงิน การท่องเที่ยว
ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียอะไรไปบ้าง?
นอกจากการที่ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะหดตัว 0.8%
การส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 7%
ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องกงยังครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตำแหน่งนี้กำลังถูกสั่นคลอนโดยสิงคโปร์ คู่แข่งที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 2 และเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในอันดับ 3
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของฮ่องกง
นักลงทุนอาจหอบเงินกว่า 120,000 ล้านบาท หนีไปลงทุนที่สิงคโปร์
ส่วน Bloomberg คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นที่เข้ามาระดมทุนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ มีแนวโน้มจะแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้
ยังไม่รวมห้างร้านหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถขนส่งสินค้าเข้ามาในร้านได้
โรงแรมที่ซบเซาลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นอัมพาตจากการกีดขวางการจราจร
การประท้วงที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการก่อการร้าย
ทั้งขว้างปาก้อนอิฐ ก่อสิ่งกีดขวางการจราจร
ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วย เผาทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
ฮ่องกงซึ่งไม่มีทั้งกองกำลังทหารและอาวุธเป็นของตัวเอง
ยิ่งการประท้วงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่
ก็ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้รัฐบาลฮ่องกงขอรับการสนับสนุนกองกำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่ความขัดแย้งระหว่างฮ่องกงและจีน ถือเป็นกิจการภายใน ซึ่งต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมาย “การแยกประเทศ” ของชาวฮ่องกง คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก..
แต่จนถึงวันนี้ จุดยืนของรัฐบาลจีนต่อการประท้วง ก็คือการปล่อยให้คนฮ่องกงแก้ปัญหานี้กันเอง
ฮ่องกงซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ เป็นประตูสู่การลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่
ปี 1997 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 18.4% ของ GDP ประเทศจีน
ปี 2018 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 2.7% ของ GDP ประเทศจีน
ในวันนี้ เมืองใหญ่ต่างๆ ของจีน ต่างพัฒนาเศรษฐกิจจนมีขนาด GDP แซงหน้าฮ่องกงไปแล้ว
ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ส่วนกว่างโจว และเทียนจิน กำลังจะแซงหน้าในเร็วๆ นี้
ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อประเทศจีน กำลังลดระดับลงเรื่อยๆ
น่าคิดว่า ยิ่งการประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อเท่าไหร่ สุดท้ายผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือคนฮ่องกงเอง
ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
- ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
- ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
- คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
แน่นอนว่าคนฮ่องกงที่ประท้วงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และไม่ว่าการประท้วงที่ยาวนานครั้งนี้จะมีจุดจบเช่นไร เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่ เรย์ ดาลิโอ ผู้เขียนหนังสือ Principles ได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า
“โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพัง”
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันที่ใหญ่สุดในโลก และคุ้นเคยกับโลกทุนนิยม
แต่เขาบอกว่า ระบบทุนนิยม แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
เพราะระบบกำลังให้รางวัลกับคนรวย และทิ้งห่างคนส่วนใหญ่ไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ระบบนี้จะไม่เสถียร ระบบนี้จะพังลงในที่สุด
และโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าทุนนิยมมันจะพังได้อย่างไร ในเมื่อเราคุ้นเคยกันมานาน
แต่ดูเหมือนว่ามันอาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า ฮ่องกง..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.chinadailyhk.com/articles/76/215/81/1572262453599.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-07/singapore-shanghai-threaten-hong-kong-status-as-asia-finance-hub
-https://www.zyen.com/media/documents/GFCI_26_Report_v1.0.pdf
-https://www.reuters.com/article/us-hongkong-protests-markets-explainer/explainer-how-important-is-hong-kong-to-the-rest-of-china-idUSKCN1VP35H
-https://www.cnbc.com/2019/03/20/hong-kong-is-building-an-80-billion-artificial-island.html
-https://www.censtatd.gov.hk/hkstat/sub/gender/demographic/index.jsp
-https://www.heritage.org/index/
-https://www.scmp.com/comment/opinion/article/3021423/how-hong-kong-can-put-end-protest-chaos-its-about-economy-so-fix
-https://www.chinadailyhk.com/articles/213/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/statistics/960155/hong-kong-high-net-worth-individuals-by-wealth-group/
-https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/79389-universal-suffragehk79389.html
-https://www.nytimes.com/2019/07/08/world/asia/hong-kong-protests-democracy.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/hong-kong-overtakes-japan-as-world-s-third-largest-stock-market
-https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Hong_Kong_anti-extradition_bill_protests
-https://www.bloomberg.com/graphics/2019-hong-kong-protests-economic-impact/?srnd=premium-asia
-https://th.investing.com/indices/hang-sen-40
-https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Hong_Kong
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Hong_Kong
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/hong-kong/tourism-revenue
-https://nypost.com/2019/08/14/alibaba-ipo-plan-at-risk-amid-massive-hong-kong-protests/
-https://tradingeconomics.com/hong-kong/gdp-growth-annual
-https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3008578/hong-kongs-gdp-slows-05-cent-first-quarter-2019
-https://edition.cnn.com/2019/08/15/economy/hong-kong-economy-stimulus/index.html
-https://www.linkedin.com/pulse/world-has-gone-mad-system-broken-ray-dalio