TERBANG BRRSAMA MDB (SIRI 80)
Transit (2)
Transit dalam kamus orang awam adalah berhenti sekejap bagi pertukaran pesawat ke destinasi akhir. Kenapa perlu transit? Kerana kapalterbang pertama tidak terbang terus ke destinasi akhir. Bila transit, penumpang boleh keluar ke lapangan terbang sekejap atau hanya diminta menunggu di dalam pesawat.
Dalam siri pertama Terbang Bersama MDB, saya dah cerita tentang jahilnya saya tentang vocabulary dunia penerbangan. Pesawat saya dari Bangkok ke Kuwait telah transit di Lapangan Terbang Saddam di Baghdad, Iraq. Saya ingat dah sampai Kuwait walaupun diberitahu ini hanyalah transit.
Dalam kamus saya, transit ada banyak makna & amalan. Bila kita dah arif & mahir sesuatu bidang, macam2 kreativiti boleh kita lakukan. Saya suka transit sebab boleh berhenti sekejap berjumpa kawan atau pelanggan. Saya selalu buat di lapangan Dubai, Istanbul & London. Oleh kerana saya tidak perlukan visa masuk negara, senang saya meninggalkan airport & balik semula ke airport dalam masa beberapa jam. Bila kena pergi ke Tripoli atau Tunis, saya boleh saja terbang direct dari Dubai dengan Emirates Airlines. Tapi saya ambil Turkish Airlines dari Dubai ke Istanbul. Saya keluar makan tengahari sekejap di bandar Istanbul sambil berjumpa rakan @ pelanggan. Kemudian, saya patah balik ke airport bagi sambung ke Tripoli atau Tunis atau Casablanca.
Dalam kamus saya juga, transit bermaksud pecahkan satu perjalanan yang panjang kepada beberapa sektor bagi lebih relax & juga kurang kos. Banyak tiket penerbangan saya, sengaja saya transitkan supaya harga tiket kurang. Kalau nak tahu, kena belajar tips dari saya. Saya amat handal dalam hal ini (maaf puji diri sedikit). Pointnya, bila kita dah buat benda yang sama berulang kali, kena ada kepandaian dalam semua segi. Tidak boleh sama sahaja prestasi kita. Dalam rutin pun, kena ada kreativiti.
Transit paling manis bila saya berjaya meninggalkan Tripoli yang bergolak & berdarah akibat perang saudara. Airport tutup. Semua penerbangan dibatalkan. Saya nak pulang semula ke Dubai dengan apa cara sekali pun. Selepas beberapa hari, ada penerbangan keluar. Saya ambil risiko. Saya dapat keluar & transit di Tunis.
MDB
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「casablanca airport」的推薦目錄:
- 關於casablanca airport 在 Dr Mohd Daud Bakar - Shariah Minds - Minda Syariah Facebook 的精選貼文
- 關於casablanca airport 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的精選貼文
- 關於casablanca airport 在 แบกเป้ พาเพื่อนเที่ยวยุโรป Facebook 的精選貼文
- 關於casablanca airport 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳解答
- 關於casablanca airport 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於casablanca airport 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
casablanca airport 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的精選貼文
Chefchaouen / Morocco
เมืองสีฟ้าที่งามที่สุดในโลก
การเดินทาง สายการบิน Turkish airlines บินตรงลงท่าอากาศยานนานาชาติ Istanbul Ataturk Airport จากนั้นต่อเครื่องไปลง Mohammed V International Airport ใน Casablanca แล้วจึงต่อรถบัสไปลงที่ Chefchaouen
ทำไมต้องไปเยือน
เมื่อผู้คนพูดถึงโมรอคโค ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกไปถึงเมืองชื่อดังอย่างมาราเกซ หรือคาซาบลังก้า ไม่ก็มองข้ามไปที่การท่องเที่ยวค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่ากันเลย แต่ทางตอนตะวันออกเหนือของประเทศที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยได้ไปเยือน มีเมืองอยู่แห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวซ่อนอยู่ท่ามกลางเทือกเขา rif นั่นก็คือเมืองสีฟ้านามว่าเชฟชาอูนนั่นเอง
เชฟชาอูนเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่โต มีประชากรรวมทั้งบริเวณเขตรอบนอกอยู่ที่ราว 40,000 คน ถึงปัจจุบันจะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่หรือเมืองการค้าหลัก แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ถือเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเลยทีเดียว เพราะก่อตั้งมากว่า 500 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1471 โดยในตอนแรกเมืองถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการฐานที่มั่นของชาวยิวและชาวมัวร์ที่ถูกขับไล่มาจากเสปน จากนั้นที่นี่ก็ถูกตั้งให้เป็นฐานที่มั่นเพื่อรับผู้อพยพมาจากเสปนเรื่อยมา
ที่จริงแค่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ก็เพียงพอให้เป็นเมืองที่ควรค่าแก่การมาเยือนแล้ว แต่ในปี 1930 เมืองนี้ก็ยิ่งเพิ่มความพิเศษมากยิ่งขึ้น เมื่อชาวเมืองลงมติให้ย้อมสีของทั้งเมืองเป็นสีฟ้าสดใส สำหรับเหตุผลนั้นก็มีหลากหลายแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน บ้างก็ว่าทาตามความเชื่อในแบบยิวที่นับถือสีฟ้าเป็นสีของเทพเจ้า บ้างก็บอกว่าเป็นสีของท้องฟ้าและน้ำทะเล บางคนก็บอกว่าไม่มีความหมายอะไรหรอก แค่สวยดี แต่จะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่บ้านเรือนทุกหลัง รวมถึงกำแพงและพื้นถนนถูกระบายด้วยสีฟ้า น้ำเงินไปทั้งเมือง เป็นที่มาของชื่อเล่นว่า เมืองไข่มุกสีฟ้า นั่นเอง
ภายในเมืองมีมัสยิดอยู่หลายแห่งรวมถึงจุดชมวิวสวย ๆ ที่ต้องออกแรงเดินขึ้นเขาไปประมาณครึ่งชั่วโมงไปที่บริเวณมัสยิด Mosquée Bouzâafar จากตรงนั้นสามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองจากมุมสูงได้อย่าเต็มตา โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตก จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายอยู่รอบบริเวณมัสยิด รับรองว่าคึกคักไม่เปลี่ยวแน่นอน บางคนก็รอกันจนฟ้ามืดเพื่อชมเมืองสีฟ้าช่วงค่ำคืนกันเลยทีเดียว
ถ้ามาที่นี่อยากแนะนำให้พักบริเวณเมืองเก่าจะดีที่สุด เพราะสามารถเดินเที่ยวภายในเมืองสีฟ้าได้อย่างเต็มอิ่ม ตัวเมืองเก่าขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก สามารถเดินได้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าหากจะไปที่สถานีรถบัสอาจจะต้องใช้บริการรถTaxi ซึ่งก็ราคาไม่ได้แพงมาก ประมาณรอบละ 50-80 บาทเท่านั้น
ด้วยความที่เคยเป็นเมืองป้อมปราการมาก่อน ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเนินสูงชัน บ้านเรือนก็อยู่สูงไต่ระดับตามเนินไปเรื่อย ๆ ใครพักอยุ่สูงหน่อยก็ต้องลากกระเป๋าไกลหน่อย หรือจะเรียกให้โรงแรมมารับก็ได้ แล้วให้ทิปค่าเหนื่อยคนที่มาช่วยยกกระเป๋าเสียหน่อยก็โอเค ที่ด้านล่างของเมืองเก่าเป็นตลาดกลางเมือง สถานที่รวมของนักท่องเที่ยวนานาชาติ มีร้านอาหารเปิดอยู่มากมาย รวมถึงร้านของที่ระลึกต่าง ๆ ด้วย
กิจกรรม
โดนปกติการไปเที่ยวที่นี่กิจกรรมหลักก็ไม่พ้นเดินเล่นภายในตัวเมืองสีฟ้า ถ่ายรูปเก๋ ๆ ซึ่งมุมถ่ายรูปมีมากมายนับไม่ถ้วน รับรองว่าถ่าย 2-3 วันก็ไม่หมด ภายในเมืองมีร้านอาหารน่าสนใจหลายร้านเลย ควรลองอาหารพื้นเมืองชื่อดังอย่างทาจิน เป็นเนื้อสัตว์อบหม้อดินพร้อมกับสมุนไพรแบบโมรอคโค รสชาติจัดจ้านอร่อยมาก ๆ หรือจะลองชีสนมแพะที่มีเฉพาะที่นี่ก็ได้ กินแกล้มกับน้ำผลไม้อร่อยเหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ควรไป
เนื่องจากเป็นประเทศในแถบแห้งแล้งและแดดจัด ควรไปเยือนในช่วงฤดูที่อากาศเย็นหน่อยจะดีกว่า ตั้งแต่ราวเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน อากาศยังเย็นสบาย สามารถเดินเที่ยวได้อย่างไม่เสียอารมณ์ ไม่ต้องคอยหลบแดดเป็นพัก ๆ
ภาษา โมร็อคคัน อารบิค
หน่วยเงิน Moroccan dirham (MAD)
เวลา ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง
วีซ่า โมรอคโค
casablanca airport 在 แบกเป้ พาเพื่อนเที่ยวยุโรป Facebook 的精選貼文
Route: โมร็อกโก & Sahara 8 ว้น (7 คืน)/1,250 €
คุณกำหนดวันเดินทางเองได้เลย (ช่วงตุลาคม-มีนาคม)
# เที่ยวเมือง Marakech เมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของโมร็อกโก เมืองนี้เป็นเมืองต้นตำรับของการบุกเบิกท่องเที่ยวแอฟริกาเหนือในยุค 1960 ของบรรดาฮิปปี้ และเป็นเมืองที่คนมาท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกลึกลับชวนพิศวงตามสไตล์การเที่ยวโมร็อกโก เยี่ยมชมเขตเมืองเก่า Medina ที่มีกำแพงเมืองยาวล้อมรอบ ประกอบด้วยสถานที่สำคัญมากมาย รวมทั้งตลาด, ย่านการค้า, ป้อมปราการ, มัสยิด Koutoubia Mosque, โรงเรียนสอนศาสนา และชุมชนชาวยิว และจตุรัสกลางเมืองเก่าที่มีชื่อเสียงที่สุด Jemaa el-Fna ซึ่งในปี ค.ศ. 1985 ได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของ Marakech เป็นมรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์โดยองค์การ UNESCO
+ เยี่ยมชมพระราชวัง Bahia ซึ่งสร้างในปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa ออกแบบเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการวางแผนก่อสร้างและตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆ อย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูน Stucco มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกสวยงาม
+ เยี่ยมชมโรงเรียนเก่าแก่อัลกุรอ่าน เป็นตัวอย่างแบบศิลปะอันยอดเยี่ยมที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมอิสลาม Ben Joesoef ผู้ปกครองจากปี ค.ศ. 1106-1142 อาคารหลังนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1570 และบูรณะในปี ค.ศ. 1950 มีห้องเรียนประมาณ 130 ห้อง ตั้งเรียงรายอยู่รอบๆ ลานกว้างตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหินอ่อน, กระเบื้องโมเสก และเครื่องประดับ โรงเรียนแห่งนี้ได้พัฒนาให้เป็นหนึ่งในโรงเรียนสอนศาสนาที่สำคัญที่สุดในโลกของศาสนาอิสลาม
+ เที่ยวเมือง Fes เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเทือกเขา Rif Mountain ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขา Middle Atlas มีแม่น้ำ Fes River ไหลผ่านกลางเมือง เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโมร็อกโก สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ Idrisid Dynasty ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกของประเทศโมร็อกโก เยี่ยมชมเขตเมืองเก่า Medina, ประตูสีฟ้า Blue Gate ซึ่งสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะอิสลาม, พระราชวัง Fes และเยี่ยมชมบ่อย้อมสีเครื่องหนังของเมือง Fes
+ เที่ยวเมือง Meknes เป็นเมืองหลวงโบราณในสมัยสุลต่าน Mouley Ismail แห่งราชวงศ์ Alawite Dynasty กษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งมีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง Meknes จึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ เยี่ยมชมเขตเมืองเก่า Medina, กำแพงเมือง Bab Mansour Monumental Gate ล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู ประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด
+เที่ยวเมือง Rabat มีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนโรมัน เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 ครั้งเมื่อโมร็อกโกหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง, ทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดสวยงาม และในปี ค.ศ. 2012 ได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของ Rabat เป็นมรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์จากองค์การ UNESCO เยี่ยมชมเขตเมืองเก่า Medina อาคารบ้านเรือนสีสันทาด้วยสีฟ้า, ป้อมไอดูยะ ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่, สุสานกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้างามสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสานหรือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งพังทลายลงเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร
+ เที่ยวเมือง Casablanca เมืองท่าใหญ่อันดับหนึ่งของราชอาณาจักรโมร็อกโก ที่มีอาคารบ้านเรือนสีขาวสลับกับต้นปาล์มปลูกเป็นแนวแถวยาวตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองอาหรับที่ทันสมัยและมีกลิ่นอายของทวีปยุโรป เป็นเมืองชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง Casablanca (สร้างปี ค.ศ.1942) แม้ว่าในความเป็นจริงภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ใช้ฉากสถานที่ถ่ายทำในเมือง Casablanca เลย แต่ก็ทำให้เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกได้เช่นกัน
+ เที่ยวเมือง Ouarzazate อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโมร็อกโก ชมทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมของเทือกเขา High Atlas และหมู่บ้าน Berber villages เป็นดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่า “ ประตูสู่ทะเลทราย "
+ เที่ยวเมือง Aït Benhaddou ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ตั้งอยู่บนเนินเขาตามแนวแม่น้ำ Ouarzazate River และจุดชมวิวเริ่มต้นจากปราสาท Taourirt Kasbah เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งสถาปัตยกรรมโมร็อกโกภาคใต้ อยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ ซึ่งเคยใช้เป็นฉากสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มากกว่า 20 เรื่องด้วยกัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator
+ เที่ยวเมือง Merzouga ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขต Sahara ผ่านชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึงเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ และนั่งอูฐเดินทางข้ามทะเลทราย Sahara ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลทราย และช่วงค่ำชมการเล่นดนตรีพื้นเมืองในค่ายเต็นท์อูฐ Nomad แบบดั้งเดิม
+ ตื่นแต่เช้าขี่อูฐไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า สนุกสนานกับการขี่อูฐซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์แห่งทะเลทราย และสัมผัสความละเอียดของเม็ดทราย ทัศนียภาพอันแสนงดงามของแสงอาทิตย์ยามเช้าตัดกับพื้นผิวและลวดลายของท้องทะเลทรายที่งดงาม Sahara เป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริเวณแห้งแล้งใหญ่สุดเป็นอันดับสามรองจากทวีปแอนตาร์กติกาและอาร์กติก มีเนื้อที่มากกว่า 9,000,000 ตารางกิโลเมตร
.......................................
# ค่าใช้จ่ายประกอบไปด้วย
(ห้องพักส่วนตัว+ห้องน้ำ)
- ค่าที่พัก Hotel @ประเทศโมร็อกโก
- ค่าที่พักในค่ายเต็นท์ 1 คืน
- ค่าบัตรเข้าชมพระราชวัง Bahia
- ค่าบัตรเข้า Ben Joesoef Madrassa
- ค่าทางเข้าบ่อย้อมสีเครื่องหนัง
- ค่าขี่อูฐ
- ค่าเดินทางท่องเที่ยวต่างๆ รถไฟ รถเมล์ รถบัส
- ค่าพาไปเที่ยว
- ค่าบริการอื่นๆ
.............................................
หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายนี้ไม่ได้รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับประเทศไทย
- ค่า Visa โมร็อกโกและประกันการเดินทาง
- ค่าอาหาร
.......................................................................
# สมาชิกเริ่มต้น 4 คน ออกท่องเที่ยวได้เลยตามราคาที่แจ้งไว้แล้ว
- เรายืนรอรับคุณที่สนามบินและพาส่งกลับจากสนามบิน Casablanca Mohammed V International Airport Morocco
- เราทำเอกสารการสำรองที่พักและตารางการเดินทางให้เพื่อใช้ยื่นประกอบคำร้องการขอวีซ่า
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาส่ง message/inbox
( ปล. หรือคุณกำหนดทริปเอง กำหนดประเทศและจำนวนวันตามที่คุณต้องการ จากนั้นเราจะวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยวและนำเสนอราคาเพื่อคุณนำไปพิจารณาตัดสินใจกัน / เรารับจ้างจัดทริปพาท่องเที่ยวทั่วทุกประเทศใน Europe & UK )